พระอภิธรรมปิฎก ปุคคลบัญญัติ 4. จตุกกปุคคลบัญญัติ
บุคคลเปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษแล่นเร็วแต่พิษไม่ร้ายแรง เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้โกรธบ่อย ๆ แต่ความโกรธของเขาไม่คงอยู่นาน บุคคล
เช่นนี้เปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษแล่นเร็วแต่พิษไม่ร้ายแรง บุคคลประเภทนี้จึง
เปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษแล่นเร็วแต่พิษไม่ร้ายแรง (1)
บุคคลเปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษร้ายแรงแต่พิษไม่แล่นเร็ว เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้ไม่โกรธบ่อยนักแต่ความโกรธของเขาคงอยู่นาน บุคคล
เช่นนี้เปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษร้ายแรงแต่พิษไม่แล่นเร็ว บุคคลประเภทนี้จึง
เปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษร้ายแรงแต่พิษไม่แล่นเร็ว (2)
บุคคลเปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษแล่นเร็วและพิษร้ายแรง เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้โกรธบ่อย ๆ และความโกรธของเขาคงอยู่นาน บุคคล
เช่นนี้เปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษแล่นเร็วและพิษร้ายแรง บุคคลประเภทนี้จึง
เปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษแล่นเร็วและพิษร้ายแรง (3)
บุคคลเปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษไม่แล่นเร็วและพิษไม่ร้ายแรง เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้ไม่โกรธบ่อยนักและความโกรธของเขาไม่คงอยู่นาน
บุคคลเช่นนี้เปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษไม่แล่นเร็วและพิษไม่ร้ายแรง บุคคล
ประเภทนี้จึงเปรียบเหมือนอสรพิษที่มีพิษไม่แล่นเร็วและพิษไม่ร้ายแรง (4)
บุคคลเปรียบเหมือนอสรพิษ 4 จำพวกเหล่านี้มีปรากฏอยู่ในโลก
[164] บุคคลไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองแล้วกล่าวสรรเสริญผู้ควรติเตียน
เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้กล่าวสรรเสริญพวกเดียรถีย์ สาวกเดียรถีย์ผู้ปฏิบัติชั่ว
ปฏิบัติผิดว่า ปฏิบัติดีบ้าง ปฏิบัติชอบบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าไม่พิจารณา ไม่
ไตร่ตรองแล้วกล่าวสรรสเสริญผู้ควรติเตียน (1)
บุคคลไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองแล้วกล่าวติเตียนผู้ควรสรรเสริญ เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้กล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้าผู้ปฏิบัติดี
ปฏิบัติชอบว่า ปฏิบัติชั่วบ้าง ปฏิบัติผิดบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าไม่พิจารณา ไม่
ไตร่ตรองแล้วกล่าวติเตียนผู้ควรสรรเสริญ (2)
พระอภิธรรมปิฎก ปุคคลบัญญัติ 4. จตุกกปุคคลบัญญัติ
บุคคลไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองแล้วแสดงความเลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควร
เลื่อมใส เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้แสดงความเลื่อมใสในข้อปฏิปทาชั่ว ในข้อปฏิปทาผิดว่า
ข้อปฏิปทาดี ข้อปฏิปทาชอบ บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองแล้วแสดง
ความเลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส (3)
บุคคลไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองแล้วแสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ควร
เลื่อมใส เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้แสดงความไม่เลื่อมใสในข้อปฏิปทาดี ในข้อปฏิปทาชอบ
ว่า ข้อปฏิปทาชั่วบ้าง ข้อปฏิปทาผิดบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าไม่พิจารณา ไม่
ไตร่ตรอง แล้วแสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส (4)
[165] บุคคลพิจารณา ไตร่ตรองแล้วกล่าวติเตียนผู้ควรติเตียน เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้กล่าวติเตียนพวกเดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์ผู้ปฏิบัติชั่ว
ปฏิบัติผิดว่า ปฏิบัติชั่วบ้าง ปฏิบัติผิดบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าพิจารณา ไตร่ตรอง
แล้วกล่าวติเตียนผู้ควรติเตียน (1)
บุคคลพิจารณา ไตร่ตรองแล้วกล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้าผู้
ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบว่า ปฏิบัติดีบ้าง ปฏิบัติชอบบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าพิจารณา
ไตร่ตรองแล้วกล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ (2)
บุคคลพิจารณา ไตร่ตรองแล้วแสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควร
เลื่อมใส เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้แสดงความไม่เลื่อมใสในข้อปฏิปทาชั่ว ข้อปฏิปทาผิดว่า
ข้อปฏิปทาชั่วบ้าง ข้อปฏิปทาผิดบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าพิจารณา ไตร่ตรองแล้ว
แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส (3)
บุคคลพิจารณา ไตร่ตรองแล้วแสดงความเลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส
เป็นไฉน