เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ปุคคลบัญญัติ 4. จตุกกอุเทส
24. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตนเองแต่ไม่ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น
จำพวก 1 บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลผู้อื่นแต่ไม่ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูล
ตนเองจำพวก 1 บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตนเองและปฏิบัติเพื่อ
เกื้อกูลผู้อื่นจำพวก 1 บุคคลผู้ไม่ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลตนเองและไม่
ปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลผู้อื่นจำพวก 1 (173)
25. บุคคลผู้ทำตนให้เดือดร้อนหมั่นประกอบในการทำตนให้เดือดร้อน
จำพวก 1 บุคคลผู้ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน หมั่นประกอบในการทำผู้
อื่นให้เดือดร้อนจำพวก 1 บุคคลผู้ทำตนให้เดือดร้อนหมั่นประกอบ
ในการทำตนให้เดือดร้อน และทำผู้อื่นให้เดือดร้อนหมั่นประกอบใน
การทำผู้อื่นให้เดือดร้อนจำพวก 1 บุคคลผู้ไม่ทำตนให้เดือดร้อนไม่
หมั่นประกอบในการทำตนให้เดือดร้อน และไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน
ไม่หมั่นประกอบในการทำผู้อื่นให้เดือดร้อนจำพวก 1 บุคคลนั้นไม่
ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน เป็นผู้ไม่หิว ดับร้อน
เย็นใจ เสวยสุข มีตนประเสริฐอยู่ในปัจจุบัน (174-185)
26. บุคคลผู้มีราคะ บุคคลผู้มีโทสะ บุคคลผู้มีโมหะ บุคคลผู้มีมานะ
(186)
27. บุคคลผู้ได้ความสงบแห่งจิตภายในแต่ไม่ได้ความเห็นแจ้งธรรมด้วย
ปัญญาอันยิ่งจำพวก 1 บุคคลผู้ได้ความเห็นแจ้งธรรมด้วยปัญญา
อันยิ่งแต่ไม่ได้ความสงบแห่งจิตภายในจำพวก 1 บุคคลผู้ได้ความ
สงบแห่งจิตภายในและได้ความเห็นแจ้งธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง
จำพวก 1 บุคคลผู้ไม่ได้ความสงบแห่งจิตภายในและไม่ได้ความเห็น
แจ้งธรรมด้วยปัญญาอันยิ่งจำพวก 1 (187)
28. บุคคลผู้ไปตามกระแส บุคคลผู้ไปทวนกระแส บุคคลผู้มีภาวะตั้งมั่น
บุคคลผู้ลอยบาปข้ามถึงฝั่งดำรงอยู่บนบก (188)
29. บุคคลผู้มีสุตะน้อยทั้งไม่เข้าถึงสุตะ บุคคลผู้มีสุตะน้อยแต่เข้าถึงสุตะ
บุคคลผู้มีสุตะมากแต่ไม่เข้าถึงสุตะ บุคคลผู้มีสุตะมากทั้งเข้าถึงสุตะ
(189)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 36 หน้า :144 }


พระอภิธรรมปิฎก ปุคคลบัญญัติ 5. ปัญจกอุทเทส
30. บุคคลผู้เป็นสมณะไม่หวั่นไหว บุคคลผู้เป็นสมณะเหมือนดอกปทุม
บุคคลผู้เป็นสมณะเหมือนดอกบุณฑริก บุคคลผู้เป็นสมณะ
ผู้ละเอียดอ่อนในหมู่สมณะ (190)
จตุกกอุทเทส จบ

5. ปัญจกอุทเทส
หมวดว่าด้วยบุคคล 5 จำพวก
[11] บุคคล 5 จำพวก คือ
1. บุคคลผู้ต้องอาบัติและเดือดร้อนทั้งไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่ง
เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับไปโดยไม่เหลือแห่งสภาวธรรม
เหล่านั้นที่เป็นอกุศลซึ่งเป็นบาปอันเกิดขึ้นแก่ตนจำพวก 1 บุคคลผู้
ต้องอาบัติแต่ไม่เดือดร้อนทั้งไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับไปโดยไม่เหลือแห่งสภาวธรรมเหล่านั้นที่
เป็นอกุศลซึ่งเป็นบาปอันเกิดขึ้นแก่ตนจำพวก 1 บุคคลผู้ไม่ต้องอาบัติ
แต่เดือดร้อนและไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตตติ
อันเป็นที่ดับไปโดยไม่เหลือแห่งสภาวธรรมเหล่านั้นที่เป็นอกุศลซึ่ง
เป็นบาปอันเกิดขึ้นแก่ตนจำพวก 1 บุคคลผู้ไม่ต้องอาบัติ ไม่เดือดร้อน
แต่ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับ
ไปโดยไม่เหลือแห่งสภาวธรรมเหล่านั้นที่เป็นอกุศลซึ่งเป็นบาปอัน
เกิดขึ้นแก่ตนจำพวก 1 บุคคลผู้ไม่ต้องอาบัติ ไม่เดือดร้อน และ
รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับไป
โดยไม่เหลือแห่งสภาวธรรมเหล่านั้นที่เป็นอกุศลซึ่งเป็นบาปอันเกิดขึ้น
แก่ตนจำพวก 1 (191)
2. บุคคลให้แล้วดูหมิ่น บุคคลดูหมิ่นด้วยการอยู่ร่วมกัน บุคคลผู้เชื่อ
ง่าย บุคคลผู้โลเล บุคคลผู้โง่งมงาย (192)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 36 หน้า :145 }