เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ปุคคลบัญญัติ 4. จตุกกอุทเทส
บุคคลพิจารณาไตร่ตรองแล้วแสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควร
เลื่อมใสจำพวก 1 บุคคลพิจารณาไตร่ตรองแล้วแสดงความเลื่อมใส
ในฐานะที่ควรเลื่อมใสจำพวก 1 (165)
17. บุคคลกล่าวติเตียนผู้ควรติเตียนตามความเป็นจริงเหมาะแก่กาลแต่
ไม่กล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญตามความเป็นจริงเหมาะแก่กาล
จำพวก 1 บุคคลกล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญตามความเป็นจริง
เหมาะแก่กาลแต่ไม่กล่าวติเตียนผู้ควรติเตียนตามความเป็นจริง
เหมาะแก่กาลจำพวก 1 บุคคลกล่าวติเตียนผู้ควรติเตียนตาม
ความเป็นจริงเหมาะแก่กาลและกล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ
ตามความเป็นจริงเหมาะแก่กาลจำพวก 1 บุคคลไม่กล่าวติเตียนผู้
ควรติเตียนตามความเป็นจริงเหมาะแก่กาลและไม่กล่าวสรรเสริญผู้
ควรสรรเสริญตามความเป็นจริงเหมาะแก่กาลจำพวก 1 (166)
18. บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลแห่งความขยันหมั่นเพียรแต่ไม่ดำรงชีพด้วย
ผลแห่งบุญ บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลแห่งบุญแต่ไม่ดำรงชีพด้วยผล
แห่งความขยันหมั่นเพียร บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลแห่งความขยัน
หมั่นเพียรและดำรงชีพด้วยผลแห่งบุญ บุคคลผู้ไม่ดำรงชีพด้วยผล
แห่งความขยันหมั่นเพียรและไม่ดำรงชีพด้วยผลแห่งบุญ (167)
19. บุคคลผู้มืดมาและมืดไป บุคคลผู้มืดมาแต่สว่างไป บุคคลผู้สว่าง
มาแต่มืดไป บุคคลผู้สว่างมาและสว่างไป (168)
20. บุคคลผู้ต่ำมาและต่ำไป บุคคลผู้ต่ำมาแต่สูงไป บุคคลผู้สูงมาแต่
ต่ำไป บุคคลผู้สูงมาและสูงไป (169)
21. บุคคลเปรียบเหมือนต้นไม้ 4 จำพวก (170)
22. บุคคลผู้ถือรูปเป็นประมาณ เลื่อมใสในรูป บุคคลผู้ถือเสียงเป็น
ประมาณ เลื่อมใสในเสียง (171)
23. บุคคลผู้ถือความเศร้าหมองเป็นประมาณ เลื่อมใสในความเศร้าหมอง
บุคคลผู้ถือธรรมเป็นประมาณ เลื่อมในในธรรม (172)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 36 หน้า :143 }