เมนู

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 9.นวกกนิทเทส
5. อัตตามีที่สุด ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
6. อัตตาไม่มีที่สุด ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญา
ก็มิใช่
7. อัตตามีที่สุดและไม่มีที่สุด ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มี
สัญญาก็มิใช่
8. อัตตามีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว มีสัญญาก็
มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
เหล่านี้ชื่อว่าเนวสัญญีนาสัญญีวาทะ 8
อัฏฐกนิทเทส จบ

9. นวกนิทเทส
[960] บรรดานวกมาติกาเหล่านั้น อาฆาตวัตถุ 9 เป็นไฉน
อาฆาตวัตถุ 9 คือ

1. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้ได้ทำความเสื่อมเสียแก่เรา
2. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้กำลังทำความเสื่อมเสียแก่เรา
3. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้จักทำความเสื่อมเสียแก่เรา
4. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้ได้ทำความเสื่อมเสียแก่คนผู้เป็นที่รักที่
ชอบพอของเรา
5. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้กำลังทำความเสื่อมเสียแก่คนผู้เป็นที่รัก
ที่ชอบพอของเรา
6. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้จักทำความเสื่อมเสียแก่คนผู้เป็นที่รักที่
ชอบพอของเรา
7. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้ได้ทำประโยชน์แก่คนผู้ไม่เป็นที่รักไม่
เป็นที่ชอบพอของเรา


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 35 หน้า :615 }


พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 9.นวกนิทเทส

8. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้กำลังทำประโยชน์แก่คนผู้ไม่เป็นที่รักไม่
เป็นที่ชอบพอของเรา
9. ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้จักทำประโยชน์แก่คนผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็น
ที่ชอบพอของเรา

เหล่านี้ชื่อว่าอาฆาตวัตถุ 9
[961] ปุริสมละ 9 เป็นไฉน
ปุริสมละ 9 คือ

1. โกธะ (ความโกรธ)
2. มักขะ (ความลบหลู่คุณท่าน)
3. อิสสา (ความริษยา)
4. มัจฉริยะ (ความตระหนี่)
5. มายา (ความเจ้าเล่ห์)
6. สาเถยยะ (ความโอ้อวด)
7. มุสาวาท (การพูดเท็จ)
8. ปาปิจฉตา (ความปรารถนาลามก)
9. มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด)

เหล่านี้ชื่อว่าปุริสมละ 9
[962] มานะ 9 เป็นไฉน
มานะ 9 คือ

1. เป็นผู้เลิศกว่าเขา ถือตัวว่าเลิศกว่าเขา
2. เป็นผู้เลิศกว่าเขา ถือตัวว่าเสมอเขา
3. เป็นผู้เลิศกว่าเขา ถือตัวว่าด้อยกว่าเขา
4. เป็นผู้เสมอเขา ถือตัวว่าเลิศกว่าเขา
5. เป็นผู้เสมอเขา ถือตัวว่าเสมอเขา
6. เป็นผู้เสมอเขา ถือตัวว่าด้อยกว่าเขา
7. เป็นผู้ด้อยกว่าเขา ถือตัวว่าเลิศกว่าเขา


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 35 หน้า :616 }