เมนู

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 8.อัฏฐกนิทเทส
เพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้ง
ธรรมที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง นี้ชื่อว่ากุสีตวัตถุข้อที่ 7
8. ภิกษุหายไข้แล้วแต่หายยังไม่นาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราหายไข้แล้ว
แต่หายยังไม่นาน กายของเรานั้นยังอ่อนเพลีย ไม่ควรแก่การงาน เอาละ
เรานอนดีกว่า เธอจึงนอน ไม่เริ่มความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อ
บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง นี้ชื่อว่า
กุสีตวัตถุข้อที่ 8
เหล่านี้ชื่อว่ากุสีตวัตถุ 8
[954] จิตกระทบในโลกธรรม 8 เป็นไฉน
จิตกระทบในโลกธรรม 8 คือ

1. ความยินดีในลาภ 2. ความยินร้ายในความเสื่อมลาภ
3. ความยินดีในยศ 4. ความยินร้ายในความเสื่อมยศ
5. ความยินดีในการสรรเสริญ 6. ความยินร้ายในการนินทา
7. ความยินดีในสุข 8. ความยินร้ายในทุกข์

เหล่านี้ชื่อว่าจิตกระทบในโลกธรรม 8 เหล่านี้
[955] อนริยโวหาร 8 เป็นไฉน
อนริยโวหาร 8 คือ

1. เมื่อไม่เห็น พูดว่าเห็น 2. เมื่อไม่ได้ยิน พูดว่าได้ยิน
3. เมื่อไม่รู้ พูดว่ารู้ 4. เมื่อไม่เข้าใจ พูดว่าเข้าใจ
5. เมื่อเห็น พูดว่าไม่เห็น 6. เมื่อได้ยิน พูดว่าไม่ได้ยิน
7. เมื่อรู้ พูดว่าไม่รู้ 8. เมื่อเข้าใจ พูดว่าไม่เข้าใจ

เหล่านี้ชื่อว่าอนริยโวหาร 8
[956] มิจฉัตตะ 8 เป็นไฉน
มิจฉัตตะ 8 คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 35 หน้า :612 }


พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 8.อัฏฐกนิทเทส

1. มิจฉาทิฏฐิ (เห็นผิด) 2. มิจฉาสังกัปปะ (ดำริผิด)
3. มิจฉาวาจา (เจรจาผิด) 4. มิจฉากัมมันตะ (การงานผิด)
5. มิจฉาอาชีวะ (เลี้ยงชีพผิด) 6. มิจฉาวายามะ (พยายามผิด)
7. มิจฉาสติ (ระลึกผิด) 8. มิจฉาสมาธิ (ตั้งจิตมั่นผิด)

เหล่านี้ชื่อว่ามิจฉัตตะ 8
[957] บุรุษโทษ 8 เป็นไฉน
บุรุษโทษ 8 คือ
1. ภิกษุในธรรมวินัยนี้โจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุผู้ถูกโจทด้วยอาบัตินั้นแก้ตัว
โดยการอ้างว่าไม่มีสติอย่างนี้ว่า เราระลึกไม่ได้ เราระลึกไม่ได้ นี้ชื่อว่า
บุรุษโทษข้อที่ 1
2. ภิกษุโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุผู้ถูกโจทด้วยอาบัตินั้นโต้ตอบผู้โจทว่า
การพูดกับท่านผู้โง่เขลา ไม่ฉลาดจะมีประโยชน์อะไร แม้ท่านก็ยังเข้าใจ
ผมว่าควรว่ากล่าว นี้ชื่อว่าบุรุษโทษข้อที่ 2
3. ภิกษุโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุผู้ถูกโจทด้วยอาบัตินั้นกลับปรับอาบัติแก่ภิกษุ
ผู้โจทนั่นว่า ถึงท่านก็ต้องอาบัติชื่อนี้ ท่านจงแสดงอาบัตินั้นเสียก่อน นี้
ชื่อว่าบุรษโทษข้อที่ 3
4. ภิกษุโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุผู้ถูกโจทด้วยอาบัตินั้นยกเหตุอื่น ๆ มาพูด
กลบเกลื่อน พูดชักให้เขวไปนอกเรื่อง เคือง แสดงความโกรธ เคืองและ
อาการไม่พอใจ นี้ชื่อว่าบุรุษโทษข้อที่ 4
5. ภิกษุโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุผู้ถูกโจทด้วยอาบัตินั้นโบกมือปฏิเสธในท่าม
กลางสงฆ์ นี้ชื่อว่าบุรุษโทษข้อที่ 5
6. ภิกษุโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุผู้ถูกโจทด้วยอาบัตินั้นนิ่งเฉยเสียด้วยคิดว่า
เราไม่ต้องอาบัติเลย แต่ความจริงเราต้องอาบัติ แกล้งสงฆ์ให้ลำบาก นี้
ชื่อว่าบุรุษโทษข้อที่ 6
7. ภิกษุโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุผู้ถูกโจทด้วยอาบัตินั้น ไม่เอื้อเฟื้อสงฆ์ ไม่
เอื้อเฟื้อโจท หลีกไปตามชอบใจ ทั้งที่ยังมีอาบัติติดตัวอยู่ นี้ชื่อว่าบุรุษ
โทษข้อที่ 7

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 35 หน้า :613 }