เมนู

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [1.ขันธวิภังค์] 2.อภิธรรมภาชนีย์ 2.เวทนาขันธ์
เวทนาขันธ์หมวดละ 3 ได้แก่ เวทนาขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี
ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
เวทนาขันธ์หมวดละ 4 ได้แก่ เวทนาขันธ์ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็น
รูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
เวทนาขันธ์หมวดละ 5 ได้แก่ เวทนาขันธ์ที่เป็นสุขินทรีย์ก็มี ที่เป็น
ทุกขินทรีย์ก็มี ที่เป็นโสมนัสสินทรีย์ก็มี ที่เป็นโทมนัสสินทรีย์ก็มี ที่เป็นอุเปกขินทรีย์
ก็มี
เวทนาขันธ์หมวดละ 5 มีด้วยอาการอย่างนี้
เวทนาขันธ์หมวดละ 6 ได้แก่ เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่
โสตสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่ฆานสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่ชิวหาสัมผัส เวทนาที่เกิด
แต่กายสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่มโนสัมผัส1
เวทนาขันธ์หมวดละ 6 มีด้วยอาการอย่างนี้
เวทนาขันธ์หมวดละ 7 ได้แก่ เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เวทนาที่เกิด
แต่กายสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่มโนธาตุสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่มโนวิญญาณธาตุ-
สัมผัส
เวทนาขันธ์หมวดละ 7 มีด้วยอาการอย่างนี้
เวทนาขันธ์หมวดละ 8 ได้แก่ เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เวทนาที่
เกิดแต่กายสัมผัส ที่เป็นสุขก็มี ที่เป็นทุกข์ก็มี เวทนาที่เกิดแต่มโนธาตุสัมผัส
เวทนาที่เกิดแต่มโนวิญญาณธาตุสัมผัส
เวทนาขันธ์หมวดละ 8 มีด้วยอาการอย่างนี้
เวทนาขันธ์หมวดละ 9 ได้แก่ เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เวทนา
ที่เกิดแต่กายสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่มโนธาตุสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่มโนวิญญาณ-
ธาตุสัมผัส ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
เวทนาขันธ์หมวดละ 9 มีด้วยอาการอย่างนี้

เชิงอรรถ :
1 ที.ปา. 11/323/215, ม.มู. 12/97/70, สํ.นิ. 16/2/3, สํ.ข. 17/56/49

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 35 หน้า :23 }


พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [1.ขันธวิภังค์] 2.อภิธรรมภาชนีย์ 2.เวทนาขันธ์
เวทนาขันธ์หมวดละ 10 ได้แก่ เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เวทนา
ที่เกิดแต่กายสัมผัส ที่เป็นสุขก็มี ที่เป็นทุกข์ก็มี เวทนาที่เกิดแต่มโนธาตุสัมผัส
เวทนาที่เกิดแต่มโนวิญญาณธาตุสัมผัส ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่เป็น
อัพยากฤตก็มี
เวทนาขันธ์หมวดละ 10 มีด้วยอาการอย่างนี้
[35] เวทนาขันธ์หมวดละ 1 ได้แก่ เวทนาขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
เวทนาขันธ์หมวดละ 2 ได้แก่ เวทนาขันธ์ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
เวทนาขันธ์หมวดละ 3 ได้แก่ เวทนาขันธ์ที่เป็นวิบากก็มี ที่เป็นเหตุให้เกิด
วิบากก็มี ที่ไม่เป็นวิบากและไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี
เวทนาขันธ์ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือและไม่เป็นอารมณ์
ของอุปาทานก็มี
เวทนาขันธ์ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่
ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็น
อารมณ์ของกิเลสก็มี
เวทนาขันธ์ที่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารก็มี ที่ไม่มีทั้งวิตก
และวิจารก็มี
เวทนาขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี1 ที่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน 3 ก็มี2 ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ก็มี
เวทนาขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่มีเหตุต้องประหาณ
ด้วยมรรคเบื้องบน 3 ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรค
เบื้องบน 3 ก็มี

เชิงอรรถ :
1 ตรงกับบาลีว่า ทสฺสเนน ปหาตพฺพ หมายถึงธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค (อภิ.สงฺ.อ. 8/90)
2 ตรงกับบาลีว่า ภาวนาย ปหาตพฺพ หมายถึงธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 (อภิ.สงฺ.อ. 8/91)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 35 หน้า :24 }