เมนู

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [6.ปฏิจจสมุปปาทวิภังค์] 1.สุตตันตภาชนีย์
[230] เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี เป็นไฉน
จักขุสัมผัส โสตสัมผัส ฆานสัมผัส ชิวหาสัมผัส กายสัมผัส และมโนสัมผัส นี้
เรียกว่า เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
[231] เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี เป็นไฉน
เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่โสตสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่ฆาน-
สัมผัส เวทนาที่เกิดแต่ชิวหาสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่กายสัมผัส เวทนาที่เกิดแต่
มโนสัมผัส นี้เรียกว่า เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
[232] เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี เป็นไฉน
รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพตัณหา และธัมมตัณหา
นี้เรียกว่า เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
[233] เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี เป็นไฉน
กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลัพพตุปาทาน และอัตตวาทุปาทาน นี้เรียกว่า
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี
[234] เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี เป็นไฉน
ภพ 2 คือ กรรมภพและอุปปัตติภพ
ในภพ 2 นั้น กรรมภพ เป็นไฉน
ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร และอาเนญชาภิสังขาร นี้เรียกว่า กรรมภพ
กรรมที่เป็นเหตุให้ไปสู่ภพแม้ทั้งหมดเรียกว่า กรรมภพ
อุปปัตติภพ เป็นไฉน
กามภพ รูปภพ อรูปภพ สัญญาภพ อสัญญาภพ เนวสัญญานาสัญญาภพ
เอกโวการภพ จตุโวการภพ และปัญจโวการภพ นี้เรียกว่า อุปปัตติภพ
กรรมภพและอุปปัตติภพดังที่กล่าวมานี้ นี้เรียกว่า เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ภพจึงมี
[235] เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี เป็นไฉน


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 35 หน้า :221 }