เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [1. จิตตุปปาทกัณฑ์] กุศลบท รูปาวจรกุศลจิต จำแนกฌานเป็นอย่างละ 8
จำแนกฌานเป็นอย่างละ 8
[214] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ซึ่งมีกำลังน้อยและมี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[215] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ซึ่งมีกำลังมากแต่มี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[216] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ซึ่งมีกำลังน้อยและมี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[217] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ซึ่งมีกำลังมากแต่มี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 34 หน้า :72 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [1. จิตตุปปาทกัณฑ์] กุศลบท รูปาวจรกุศลจิต จำแนกฌานเป็นอย่างละ 8
[218] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ซึ่งมีกำลังน้อยและมี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[219] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม บรรลุปฐมฌาน เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ซึ่งมีกำลังมากแต่มีอารมณ์เล็ก
น้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ สภาวธรรม
เหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[220] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ซึ่งมีกำลังน้อยและมี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[221] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ซึ่งมีกำลังมากแต่มีอารมณ์
เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[222] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น เพราะ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 34 หน้า :73 }