เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [3. นิกเขปกัณฑ์] ทุกนิกเขปะ กิเลสโคจฉกะ
และสัมปยุตด้วยกิเลสเพราะอโนตตัปปะ อโนตตัปปะเป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส
เพราะมานะ ทิฏฐิเป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลสเพราะอโนตตัปปะ อโนตตัปปะ
เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลสเพราะทิฏฐิ วิจิกิจฉาเป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส
เพราะอโนตตัปปะ อโนตตัปปะเป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลสเพราะวิจิกิจฉา ถีนะ
เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลสเพราะอโนตตัปปะ อโนตตัปปะเป็นกิเลสและสัมปยุต
ด้วยกิเลสเพราะถีนะ อุทธัจจะเป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลสเพราะอโนตตัปปะ
อโนตตัปปะเป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลสเพราะอุทธัจจะ อหิริกะเป็นกิเลสและ
สัมปยุตด้วยกิเลสเพราะอโนตตัปปะ อโนตตัปปะเป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส
เพราะอหิริกะ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส
[1258] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส เป็นไฉน
เว้นสภาวธรรมที่เป็นกิเลสเหล่านั้นแล้ว สภาวธรรมสัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่
เป็นกิเลส ได้แก่ เวทนาขันธ์ ฯลฯ วิญญาณขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าสัมปยุต
ด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส
8. กิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกทุกะ
[1259] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลส เป็นไฉน
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากกิเลสเหล่านั้น คือ สภาวธรรมที่เป็นกุศล และ
อัพยากฤต ซึ่งเป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นกามาวจร รูปาวจร และอรูปาวจร ได้แก่
รูปขันธ์ ฯลฯ วิญญาณขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าวิปปยุตจากกิเลสแต่เป็น
อารมณ์ของกิเลส
[1260] สภาวธรมที่วิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส เป็น
ไฉน
มรรค ผลของมรรคที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ และธาตุที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่ง
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าวิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส
กิเลสโคจฉกะ จบ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 34 หน้า :319 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [3. นิกเขปกัณฑ์] ทุกนิกเขปะ ปิฏฐิทุกะ
13. ปิฏฐิทุกะ
1. ทัสสเนนปหาตัพพทุกะ
[1261] สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค เป็นไฉน
สังโยชน์ 3 คือ
1. สักกายทิฏฐิ
2. วิจิกิจฉา
3. สีลัพพตปรามาส
[1262] บรรดาสังโยชน์ 3 นั้น สักกายทิฏฐิ เป็นไฉน
ปุถุชนในโลกนี้ผู้ไม่ได้สดับ ไม่ได้เห็นพระอริยะ ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ
ไม่ได้รับการฝึกฝนในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของ
สัตบุรุษ ไม่ได้รับการฝึกฝนในธรรมของสัตบุรุษ ย่อมเห็นรูปเป็นตนหรือเห็นตน
มีรูป เห็นรูปในตนหรือเห็นตนในรูป เห็นเวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ
วิญญาณเป็นตน หรือเห็นตนมีวิญญาณ เห็นวิญญาณในตน หรือเห็นตนในวิญญาณ
ทิฏฐิ ความเห็นผิด ฯลฯ ความยึดถือโดยวิปลาส มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า
สักกายทิฏฐิ
[1263] วิจิกิจฉา เป็นไฉน
ปุถุชนย่อมเคลือบแคลงสงสัยในพระศาสดา ฯลฯ ความกระด้างแห่งจิต
ความลังเลใจ มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่าวิจิกิจฉา
[1264] สีลัพพตปรามาส เป็นไฉน
สมณพราหมณ์ภายนอกแต่ศาสนานี้มีความเห็นว่า ความบริสุทธิ์ย่อมมีได้
ด้วยศีล ด้วยพรต ด้วยศีลและพรต ดังนี้ ทิฏฐิ ความเห็นผิด ฯลฯ ความยึดถือโดย
วิปลาส มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่าสีลัพพตปรามาส
สังโยชน์ 3 ดังกล่าวมานี้และกิเลสที่ตั้งอยู่ในฐานเดียวกันกับสังโยชน์ 3 นั้น
ได้แก่ เวทนาขันธ์ ฯลฯ วิญญาณขันธ์ ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ 3 นั้น กายกรรม
วจีกรรม และมโนกรรม ที่มีสังโยชน์ 3 นั้นเป็นสมุฏฐาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า
ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 34 หน้า :320 }