เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [3. นิกเขปกัณฑ์] ทุกนิกเขปะ เหตุโคจฉกะ
ติดอยู่ในวัตถุมีอย่างต่าง ๆ มูลเหตุแห่งทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ทุกขสมุทัย บ่วงแห่งมาร
เบ็ดแห่งมาร วิสัยแห่งมาร ตัณหาเหมือนแม่น้ำ ตัณหาเหมือนข่าย ตัณหาเหมือนเชือก
ตัณหาเหมือนสมุทร อภิชฌา อกุศลมูลคือโลภะ นี้ชื่อว่าโลภะ
[1066] โทสะ เป็นไฉน
ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้เคยทำความเสื่อมเสียแก่เรา ความอาฆาตเกิดขึ้น
ว่า ผู้นี้กำลังทำความเสื่อมเสียแก่เรา ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้จักทำความเสื่อม
เสียแก่เรา ความอาฆาตเกิดขึ้นว่า ผู้นี้เคยทำความเสื่อมเสีย ฯลฯ กำลังทำความ
เสื่อมเสีย ฯลฯ จักทำความเสื่อมเสียแก่คนที่รัก ที่ชอบพอของเรา ความอาฆาต
เกิดขึ้นว่า ผู้นี้ได้เคยทำความเจริญ ฯลฯ กำลังทำความเจริญ ฯลฯ จักทำความ
เจริญแก่คนผู้ไม่เป็นที่รัก ที่ชอบพอของเรา หรือความอาฆาตเกิดขึ้นในฐานะอันไม่
สมควร จิตอาฆาต ความขัดเคือง ความกระทบกระทั่ง ความแค้น ความเคือง
ความขุ่นเคือง ความพล่านไป โทสะ ความคิดประทุษร้าย ความคิดมุ่งร้าย ความ
ขุ่นจิต ธรรมชาติ ที่ประทุษร้ายใจ ความโกรธ กิริยาที่โกรธ ภาวะที่โกรธ มีลักษณะ
เช่นว่านี้ (และ) ความคิดประทุษร้าย กิริยาที่คิดประทุษร้าย ภาวะที่คิดประทุษร้าย
ความคิดปองร้าย กิริยาที่คิดปองร้าย ภาวะที่คิดปองร้าย ความพิโรธ ความแค้น
ความดุร้าย ความเกรี้ยวกราด ความไม่แช่มชื่นแห่งจิต มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียก
ว่าโทสะ
[1067] โมหะ เป็นไฉน
ความไม่รู้ในทุกข์ ความไม่รู้ในทุกขสมุทัย ความไม่รู้ในทุกขนิโรธ ความไม่รู้ใน
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ความไม่รู้ในส่วนอดีต ความไม่รู้ในส่วนอนาคต ความไม่รู้
ในส่วนอดีตและอนาคต ความไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาทว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย
ธรรมนี้จึงมี ความไม่รู้ ความไม่เห็น ความไม่ตรัสรู้ ความไม่รู้โดยสมควร ความ
ไม่รู้ตามเป็นจริง ความไม่แทงตลอด ความไม่ถือเอาโดยถูกต้อง ความไม่หยั่งลงโดย
รอบคอบ ความไม่พินิจ ความไม่พิจารณา ความไม่ทำให้ประจักษ์ ความทราม
ปัญญา ความโง่เขลา ความไม่รู้ชัด ความหลง ความลุ่มหลง ความหลงใหล
อวิชชา โอฆะคืออวิชชา โยคะคืออวิชชา อนุสัยคืออวิชชา ปริยุฏฐานคืออวิชชา
ลิ่มคืออวิชชา อกุศลมูลคือโมหะ มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่าโมหะ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเหตุที่เป็นอกุศล 3


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 34 หน้า :273 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [3. นิกเขปกัณฑ์] ทุกนิกเขปะ เหตุโคจฉกะ
[1068] บรรดาสภาวธรรมที่เป็นเหตุเหล่านั้น เหตุที่เป็นอัพยากฤต 3 เป็น
ไฉน
อโลภะ อโทสะ และอโมหะ ฝ่ายวิบาก แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล หรืออโลภะ
อโทสะ และอโมหะ ในสภาวธรรมที่เป็นอัพยากตกิริยา สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเหตุ
ที่เป็นอัพยากฤต 3
[1069] บรรดาเหตุเหล่านั้น เหตุที่เป็นกามาวจร 9 เป็นไฉน
เหตุที่เป็นกุศลมี 3 เหตุที่เป็นอกุศลมี 3 เหตุที่เป็นอัพยากฤตมี 3
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเหตุที่เป็นกามาวจร 9
[1070] บรรดาสภาวธรรมที่เป็นเหตุเหล่านั้น เหตุที่เป็นรูปาวจร 6 เป็นไฉน
เหตุที่เป็นกุศลมี 3 เหตุที่เป็นอัพยากฤตมี 3 สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเหตุที่
เป็นรูปาวจร 6
[1071] บรรดาสภาวธรรมที่เป็นเหตุเหล่านั้น เหตุที่เป็นอรูปาวจร 6 เป็น
ไฉน
เหตุที่เป็นกุศลมี 3 เหตุที่เป็นอัพยากฤตมี 3 สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเหตุที่
เป็นอรูปาวจร 6
[1072] บรรดาเหตุเหล่านั้น เหตุที่เป็นโลกุตตระ 6 เป็นไฉน
เหตุที่เป็นกุศลมี 3 เหตุที่เป็นอัพยากฤตมี 3 สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเหตุที่
เป็นโลกุตตระ 6
[1073] บรรดาเหตุที่เป็นโลกุตตระ 6 เหล่านั้น เหตุที่เป็นกุศล 3 เป็นไฉน
เหตุที่เป็นกุศล 3 คือ อโลภะ อโทสะ และอโมหะ
[1074] บรรดาเหตุที่เป็นกุศล 3 เหล่านั้น อโลภะ เป็นไฉน
ความไม่โลภ กิริยาที่ไม่โลภ ภาวะที่ไม่โลภ ความไม่กำหนัด กิริยาที่ไม่กำหนัด
ภาวะที่ไม่กำหนัด ความไม่เพ่งเล็ง กุศลมูลคืออโลภะ นี้เรียกว่าอโลภะ
[1075] อโทสะ เป็นไฉน
ความไม่คิดประทุษร้าย กิริยาที่ไม่คิดประทุษร้าย ภาวะที่ไม่คิดประทุษร้าย
ฯลฯ ความไม่พยาบาท ความไม่คิดเบียดเบียน กุศลมูลคืออโทสะ นี้เรียกว่าอโทสะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 34 หน้า :274 }