พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 4. สุมนพุทธวงศ์
[28] วรุณอุบาสกและสรณอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก
จาลาอุบาสิกาและอุปจาลาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา
[29] พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงมีพระวรกายสูง 90 ศอก
ทรงงดงามดังทองคำที่ล้ำค่า
รุ่งเรืองไปทั่วหมื่นจักรวาล
[30] ขณะนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุประมาณ 90,000 ปี
พระองค์ก็ทรงดำรงพระชนมายุประมาณเท่านั้น
ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นได้จำนวนมาก
[31] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงช่วยคนที่ควรข้ามให้ข้าม
ทรงช่วยคนที่ควรตรัสรู้ให้ตรัสรู้
แล้วเสด็จดับขันธปรินิพพาน เหมือนดวงจันทร์ดับไป
[32] ภิกษุผู้ขีณาสพเหล่านั้น ผู้มียศยิ่งใหญ่
และพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเปรียบได้พระองค์นั้น
แสดงพระรัศมีที่ไม่มีอะไรเปรียบได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไป
[33] พระสัพพัญญุตญาณและพระรัตนตรัย
ที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงเหล่านั้น
ทุกอย่างล้วนอันตรธานไปหมดแล้ว
สังขารทั้งปวงเป็นสภาพว่างเปล่าหนอ
[34] พระพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ ผู้ทรงพระยศ
เสด็จดับขันธปรินิพพานที่อังคาราม
พระสถูปของพระชินเจ้านั้นสูงที่อังคารามนั้นสูงถึง 4 โยชน์ ฉะนี้แล
สุมนพุทธวงศ์ที่ 4 จบ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 5. เรวตพุทธวงศ์
5. เรวตพุทธวงศ์
ว่าด้วยพระประวัติของพระเรวตพุทธเจ้า
[1] สมัยต่อจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ
ได้มีพระชินเจ้าทรงเป็นผู้นำพระนามว่าเรวตะ
ไม่มีผู้เปรียบปาน ไม่มีผู้เทียมเท่า ผู้สูงสุด
[2] แม้พระองค์อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว
ก็ทรงประกาศพระธรรม อันกำหนดด้วยขันธ์และธาตุ
ไม่เป็นไปในภพน้อยภพใหญ่
[3] ในกาลที่พระองค์ทรงแสดงธรรม
การบรรลุธรรมมี 3 ครั้ง
ผู้ได้บรรลุธรรมครั้งที่ 1 จะคำนวณนับไม่ได้เลย
[4] ในกาลเมื่อพระมุนีพระนามว่าเรวตะ
ทรงแนะนำพระเจ้าอรินทมะ
เทวดาและมนุษย์จำนวน 1,000 โกฏิ ได้บรรลุธรรม ครั้งที่ 2
[5] พระผู้องอาจกว่านรชนเสด็จออกจากนิโรธสมาบัติในวันที่ 7
ทรงแนะนำเทวดาและมนุษย์ในอรหัตตผลจำนวน 100 โกฏิ
[6] พระชินเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่พระนามว่าเรวตะ
ได้มีการประชุมพระขีณาสพ
ผู้ปราศจากมลทิน หลุดพ้นดี คงที่ 3 ครั้ง
[7] ครั้งที่ 1 มีพระขีณาสพมาประชุมกันมากจนเกินกว่าที่จะนับ
ครั้งที่ 2 มีพระขีณาสพจำนวน 100,000 โกฏิ มาประชุมกัน
[8] ในกาลเมื่อพระองค์ไม่มีใครเสมอด้วยพระปัญญาของพระองค์
ทรงประกาศพระธรรมจักรแล้ว
ทรงพระประชวรจวนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน
