เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 2. โกณฑัญญพุทธวงศ์
[18] สัตว์ทั้งหลายในหมื่นจักรวาลพร้อมทั้งเทวดา
ต่างก็เปล่งเสียงโห่ร้องปรบมือ ร่าเริง
ประนมมือนมัสการว่า
[19] ‘ถ้าเราทั้งหลายจักพลาดศาสนาของพระโลกนาถพระองค์นี้
เราทั้งหลายก็จักพร้อมหน้าหน่อพุทธางกูรนี้ในอนาคตกาล
[20] มนุษย์ทั้งหลายเมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าเฉพาะหน้าแล้ว
ก็ยึดเอาท่าถัดไปจึงข้ามแม่น้ำใหญ่ไป ฉันใด
[21] เราทั้งหมดก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ถ้าพลาดพระชินเจ้าพระองค์นี้
ก็จักพร้อมหน้าหน่อพุทธางกูรนี้ในอนาคตกาล’
[22] เราได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้ว
ก็ทำจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง เราเมื่อจะทำประโยชน์นั้นให้สำเร็จ
จึงได้ถวายราชสมบัติอันใหญ่หลวงแก่พระชินเจ้า
ครั้นแล้วก็ออกบวชในสำนักของพระองค์
[23] เราได้เล่าเรียนพระสูตรและพระวินัย
อันเป็นนวังคสัตถุศาสน์ทั้งปวง
แล้วช่วยประกาศศาสนาของพระชินเจ้าให้รุ่งเรือง
[24] เราเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่ในคำสั่งสอนนั้นทั้งในเวลานั่ง
ยืนและเดิน ถึงความสำเร็จอภิญญาแล้ว ได้ไปเกิดยังพรหมโลก
[25] กรุงชื่อว่ารัมมวดี กษัตริย์พระนามว่าสุนันทะเป็นพระชนก
พระเทวีพระนามว่าสุชาดา เป็นพระชนนี
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าโกณฑัญญะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[26] พระองค์ทรงครองฆราวาสอยู่ 10,000 ปี
มีปราสาทที่อุดมอยู่ 3 หลัง
คือสุจิปราสาท สุรุจิปราสาท และสุภปราสาท

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :599 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 2. โกณฑัญญพุทธวงศ์
[27] มีนางสนมกำนัล 300,000 นาง
ล้วนประดับประดาสวยงาม
พระมเหสีพระนามว่ารุจิเทวี
พระราชโอรสพระนามว่าวิชิตเสนะ
[28] พระชินเจ้าทรงเห็นนิมิต 4 ประการ
จึงทรงราชพาหนะคือรถออกผนวชแล้ว
ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 10 เดือนเต็ม(จึงได้บรรลุพระโพธิญาณ)
[29] พระมหาวีระพระนามว่าโกณฑัญญะ
ผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว
ทรงประกาศพระธรรมจักรแก่เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลาย ณ ป่ามหาวัน
[30] พระภัททเถระและพระสุภัททเถระเป็นพระอัครสาวก
พระเถระนามว่าอนุรุทธะเป็นพระอุปัฏฐาก
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าโกณฑัญญะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[31] พระติสสาเถรีและพระอุปติสสาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา
ต้นขานางเป็นต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าโกณฑัญญะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[32] โสณอุบาสกและอุปโสณอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก
นันทาอุบาสิกาและสิริมาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา
[33] พระมหามุนีพระองค์นั้นทรงมีพระวรกายสูง 88 ศอก
ทรงงดงามดังดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
และดังดวงอาทิตย์ในเวลาเที่ยงวัน
[34] ขณะนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุประมาณ 100,000 ปี
พระองค์ก็ทรงดำรงพระชนมายุประมาณเท่านั้น
ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นได้เป็นจำนวนมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :600 }