พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 1. ทีปังกรพุทธวงศ์
[15] ภิกษุประมาณ 400,000 รูป ล้วนได้อภิญญา 6 มีฤทธิ์มาก
แวดล้อมพระผู้มีพระภาคพระนามว่าทีปังกร
ผู้ทรงรู้แจ้งโลกในกาลทั้งปวง
[16] สมัยนั้น ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ไม่ได้บรรลุอรหัตตผล เป็นพระเสขะละมนุษยภูมิไป
ชนเหล่านั้นย่อมถูกติเตียน
[17] ศาสนาแพร่หลาย งดงามด้วยพระอรหันตขีณาสพ
ผู้คงที่ ปราศจากมลทิน ในกาลทั้งปวง
[18] เมืองชื่อว่ารัมมวดี กษัตริย์พระนามว่าสุเทพ เป็นพระชนก
พระเทวีพระนามว่าสุเมธาเป็นพระชนนี
ของพระศาสดาพระนามว่าทีปังกร
[19] พระชินเจ้าทรงครองฆราวาสอยู่ 20,000 ปี
ทรงมีฝูงหงส์ นกกระเรียน นกยูงมากมาย
มีปราสาทที่อุดมอยู่ 3 หลัง
[20] มีนางสนมกำนัล 300,000 นาง
ล้วนประดับประดาสวยงาม
พระมเหสีพระนามว่าปทุมา
พระราชโอรสพระนามว่าอุสภขันธกุมาร
[21] พระชินเจ้าทรงเห็นนิมิต 41 ประการ
จึงทรงราชพาหนะคือช้างออกผนวชแล้ว
ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 10 เดือนเต็ม(จึงได้บรรลุพระโพธิญาณ)
[22] ครั้นทรงบำเพ็ญความเพียรเสร็จแล้ว
ก็ได้ตรัสรู้สัมโพธิญาณ
พระมหามุนีพระนามว่าทีปังกร ผู้อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว
เชิงอรรถ :
1 นิมิต 4 ได้แก่ (1) คนแก่ (2) คนเจ็บ (3) คนตาย (4) บรรพชิต (ที.ม. (แปล) 10/43-52/22-30)
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 1. ทีปังกรพุทธวงศ์
[23] พระมหาวีรชินเจ้าทรงประกาศพระธรรมจักร
แล้วประทับอยู่ในนันทาราม ประทับนั่งที่โคนต้นซึก
ทรงปราบปรามเดียรถีย์
[24] พระสุมังคลเถระและพระติสสเถระเป็นพระอัครสาวก
พระสาคตเถระเป็นอุปัฏฐากของพระศาสดาพระนามว่าทีปังกร
[25] พระนันทาเถรีและพระสุนันทาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา
ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ชาวโลกเรียกว่า ต้นเลียบ
[26] ตปุสสอุบาสกและภัลลิกอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก
สิริมาอุบาสิกาและโสณาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา
[27] พระมหามุนีพระนามว่าทีปังกร
ทรงมีพระวรกายสูง 80 ศอก
ทรงงดงามดังต้นพฤกษาประทีป
ดังต้นพญาไม้สาละที่มีดอกบานสะพรั่ง
พระองค์ทรงมีพระรัศมีแผ่ซ่านออก 10 โยชน์โดยรอบ
[28] พระองค์ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ทรงมีพระชนมายุประมาณ 100,000 ปี
ทรงดำรงอยู่นานเพียงนั้น
ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้น(สังสารวัฏ)ได้เป็นจำนวนมาก
[29] พระองค์พร้อมทั้งสาวกประกาศพระสัทธรรมให้รุ่งเรือง
ช่วยมหาชนให้ข้ามพ้นได้
แล้วเสด็จดับขันธปรินิพพานเหมือนกองไฟที่ลุกโพลงแล้วดับไป
[30] พระองค์ทรงมีพระฤทธิ์ มีพระยศ
พร้อมทั้งจักรรัตนะที่พระยุคลบาท
ทุกอย่างล้วนอันตรธานไปหมดแล้ว
สังขารทั้งปวงเป็นสภาพว่างเปล่าหนอ
