เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 2. สุเมธกถา
เอาเถิดเราควรเป็นผู้ไม่มีความห่วงใย
ไม่มีความต้องการ ละทิ้งร่างกายที่เปื่อยเน่า
เต็มไปด้วยซากศพต่าง ๆ นี้ไปเสีย ฉันนั้น
[19] คนปลดเปลื้องซากศพที่น่ารังเกียจที่ผูกไว้ที่คอแล้ว
ไปอยู่เป็นสุขอย่างเสรีตามลำพังตน ฉันใด
[20] เราไม่มีความห่วงใย ไม่มีความต้องการ
ละทิ้งร่างกายที่เปื่อยเน่าเป็นที่รวมซากศพต่าง ๆ นี้ไปเสีย ฉันนั้น
[21] คนชายหญิงถ่ายอุจจาระลงในส้วม
แล้วละทิ้งส้วมไปไม่มีความห่วงใย ไม่มีความต้องการ ฉันใด
[22] เราจักละทิ้งร่างกายที่เต็มไปด้วยซากศพต่าง ๆ นี้ไปเสีย
ดุจคนถ่ายอุจจาระ(ลงในส้วม) แล้วละทิ้งส้วมไป ฉันนั้น
[23] เจ้าของเรือทิ้งเรือที่คร่ำคร่า ชำรุด น้ำไหลเข้าได้ไป
อย่างไม่มีความห่วงใย ไม่มีความต้องการ ฉันใด
[24] เราจักละทิ้งร่างกายนี้ที่มีทวาร 9
มีของไม่สะอาดไหลออกอยู่เป็นนิตย์ไปเสีย
ดุจเจ้าของเรือละทิ้งเรือที่คร่ำคร่าไป ฉันนั้น
[25] บุรุษนำสิ่งของมีค่าไปกับพวกโจร
เห็นภัยคือการถูกปล้นสิ่งของจึงละทิ้ง(โจร)ไปเสีย ฉันใด
[26] กายนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เปรียบเสมอด้วยมหาโจร
เราจักละกายนี้ไปเพราะกลัวแต่การปล้นกุศลธรรม ฉันนั้น
[27] ครั้นเราคิดอย่างนี้แล้ว ได้ให้ทรัพย์หลายร้อยโกฏิ
แก่คนมีที่พึ่งและไม่มีที่พึ่งแล้วเข้าไปยังภูเขาหิมพานต์
[28] ในที่ไม่ไกลจากภูเขาหิมพานต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อธรรมิกะ
เราสร้างอาศรมอย่างดี สร้างบรรณศาลาอย่างดีไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :570 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 2. สุเมธกถา
[29] ในที่นั้น เราสร้างที่จงกรมซึ่งเว้นโทษ 5 ประการ1
เป็นที่นำมาซึ่งอภิญญาพละประกอบด้วยคุณ 8 ประการ 2
[30] ละทิ้งผ้าสาฎกซึ่งประกอบด้วยโทษ 9 ประการ3เสีย
แล้วนุ่งผ้าคากรอง(ผ้าเปลือกไม้) ซึ่งประกอบด้วยคุณ 12 ประการ
[31] เราละทิ้งบรรณศาลาที่ประกอบไปด้วยโทษ 8 ประการ4เสีย
เข้าไปอาศัยโคนต้นไม้ซึ่งประกอบด้วยคุณ 10 ประการ5
[32] เราละทิ้งข้าวเปลือกที่หว่านไว้ ปลูกไว้เสียโดยไม่เหลือ
บริโภคผลไม้ที่หล่นเองซึ่งประกอบด้วยคุณหลายอย่าง
[33] ในที่นั้น เราบำเพ็ญความเพียรอยู่ในที่นั่งที่ยืนและที่จงกรม
ภายในเวลา 7 วัน ก็ได้บรรลุอภิญญาพละ
[34] เมื่อเราบรรลุถึงความสำเร็จ
มีความชำนาญในศาสนาอย่างนี้แล้ว
พระชินเจ้าพระนามว่าทีปังกร ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
[35] ในขณะที่พระชินเจ้าทรงปฏิสนธิ ประสูติ ตรัสรู้
และแสดงธรรม เราเป็นผู้เปี่ยมด้วยความยินดีในฌาน
จึงไม่ได้เห็นนิมิต 4 ประการ

เชิงอรรถ :
1 โทษ 5 ประการ คือ (1) ที่แข็งกระด้างขรุขระ (2) มีต้นไม้อยู่ภายใน (3) มีกอไม้ปกคลุม (4) แคบเกินไป
(5) กว้างเกินไป (ขุ.พุทธ.อ. 29/117)
2 ประกอบด้วยคุณ 8 ประการ หมายถึงประกอบด้วยสุขของสมณะ 8 ประการ (1) มีจิตเป็นสมาธิ
(2) บริสุทธิ์ (3) ผุดผ่อง (4) ไม่มีกิเลสยียวน (5) ปราศจากกิเลส ที่เป็นเหตุให้เศร้าหมอง (6) อ่อนโยน
(7) ควรแก่การงาน (8) ตั้งขึ้นไม่หวั่นไหว (ขุ.พุทฺธ.อ. 29/117)
3 ขุ.พุทฺธ.อ. 30/118
4 ขุ.พุทฺธ.อ. 30/118
5 ขุ.พุทฺธ.อ. 31/119

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :571 }