เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [4. ขัตติยกัญญาวรรค] 8. ปุณณิกาเถริยาปทาน
[193] บุคคลใดเป็นผู้ใหญ่ก็ตาม เป็นเด็กก็ตาม ทำบาปกรรมไว้
บุคคลนั้น ๆ จะพ้นจากบาปกรรมได้ เพราะการอาบน้ำ’
[194] เมื่อพราหมณ์นั้นขึ้นจากน้ำมา
หม่อมฉันได้บอกบทที่ประกอบด้วยเหตุและผล
พราหมณ์ได้ฟังบทแห่งธรรมนั้นแล้ว
มีความสลดใจ ออกบวชแล้วได้เป็นพระอรหันต์
[195] เพราะหม่อมฉันเกิดในตระกูลทาสี
ครบจำนวนทาสี 100 คนพอดี
เจ้านายจึงตั้งชื่อให้หม่อมฉันว่า ปุณณา
และปลดหม่อมฉัน(จากทาส)ให้เป็นไท
[196] แต่นั้นหม่อมฉันอนุโมทนาเศรษฐีแล้ว
บวชเป็นบรรพชิต โดยกาลไม่นานนักก็ได้บรรลุอรหัตตผล
[197] ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์
ในทิพพโสตธาตุและในเจโตปริยญาณ
[198] รู้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ทิพยจักษุหม่อมฉันชำระให้หมดจดแล้ว
อาสวะทั้งปวงสิ้นไปแล้ว
บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก
[199] อัตถปฏิสัมภิทาญาณ ธัมมปฏิสัมภิทาญาณ
นิรุตติปฏิสัมภิทาญาณ และปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ
ของหม่อมฉัน บริสุทธิ์ ไม่มีมลทิน
เพราะอำนาจของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด
[200] หม่อมฉันมีปัญญามากเพราะการเจริญภาวนา
มีสุตะมากเพราะการเรียนรู้
เกิดในตระกูลต่ำเพราะมีมานะจัด
แต่กุศลกรรมมิได้วิบัติไปเลย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :546 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [4. ขัตติยกัญญาวรรค] 9. อัมพปาลีเถริยาปทาน
[201] กิเลสทั้งหลายหม่อมฉันก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงหม่อมฉันก็ถอนได้แล้ว
หม่อมฉันตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[202] การที่หม่อมฉันมาในสำนักของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา 3 หม่อมฉันได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หม่อมฉันก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[203] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 หม่อมฉันก็ได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หม่อมฉันก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า พระปุณณิกาภิกษุณีได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุณณิกาเถริยาปทานที่ 8 จบ

9. อัมพปาลีเถริยาปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัมพปาลีเถรี
(พระอัมพปาลีเถรี เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[204] หม่อมฉันเกิดในตระกูลกษัตริย์
เป็นพระภคินีของพระมหามุนีพระนามว่าผุสสะ
ผู้มีพระรัศมีงาม รุ่งเรืองดุจเทริด
[205] หม่อมฉันได้ฟังธรรมของพระองค์แล้ว
มีจิตผ่องใส ได้ถวายมหาทานแล้ว ปรารถนารูปสมบัติ
[206] ในกัปที่ 31 นับจากกัปนี้ไป
พระชินเจ้าพระนามว่าสิขี ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ทรงส่องโลกให้สว่างไสว ทรงเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกในไตรโลก
เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :547 }