เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [3. กุณฑลเกสีวรรค] 8. ยโสธราเถริยาปทาน
8. ยโสธราเถริยาปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระยโสธราเถรี
(พระยโสธราเถรี เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[314] สมัยหนึ่ง เมื่อพระผู้ทรงเป็นผู้นำแห่งนรชน
ประทับอยู่ ณ เงื้อมภูเขาที่ประเสริฐแห่งหนึ่ง
ใกล้กรุงราชคฤห์ ที่น่ารื่นรมย์ มั่งคั่ง
[315] ยโสธราภิกษุณี ผู้อยู่ในสำนักของภิกษุณี
ในนครที่น่ารื่นรมย์นั้น ได้มีความรำพึงอย่างนี้ว่า
[316] ‘พระเจ้าสุทโธทนมหาราช
และพระนางมหาปชาบดีโคตมี
พระมหาเถระผู้มีชื่อเสียง และพระเถรีผู้มีฤทธิ์มาก
[317] ท่านเหล่านั้น ล้วนนิพพานไปแล้ว
เหมือนเปลวประทีปหมดเชื้อดับไปฉะนั้น
เมื่อพระโลกนาถยังทรงพระชนม์อยู่
แม้เราก็จักบรรลุถึงสิวบท(นิพพาน)’
[318] ยโสธราภิกษุณีนั้นครั้นคิดแล้ว
จึงพิจารณาดูอายุของตน เห็นอายุสังขาร
จะถึงความสิ้นไปในวันนั้นเอง
[319] จึงถือบาตรและจีวรออกจากที่อยู่ของตน
มีภิกษุณี 100,000 รูปห้อมล้อม
[320] มีฤทธิ์มาก มีปัญญามาก
เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายอภิวาท
ที่ลายลักษณ์กงจักรของพระศาสดาแล้ว
นั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลคำนี้ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :496 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [3. กุณฑลเกสีวรรค] 8. ยโสธราเถริยาปทาน
[321] ‘หม่อมฉันมีอายุได้ 78 ปี ล่วงเข้าปัจฉิมวัยแล้ว
ถึงความเป็นผู้มีกายค้อมลงโดยลำดับ ขอกราบทูลลาพระมหามุนี
[322] หม่อมฉันมีวัยแก่หง่อม ชีวิตของหม่อมฉันมีอยู่นิดหน่อย
หม่อมฉันจักละพระองค์ไป ที่พึ่งของตนหม่อมฉันทำไว้แล้ว
[323] ในกาลปัจฉิมวัยนี้ ความตายเข้ามาปิดล้อมไว้แล้ว
ข้าแต่พระมหาวีระ หม่อมฉันจักนิพพานในคืนวันนี้
[324] ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันไม่มีชาติ
ชรา พยาธิ และมรณะ
หม่อมฉันจักเข้าถึงนิพพานที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
เป็นบุรีที่ไม่มีความแก่ ความตาย และไม่มีภัย
[325] บริษัทที่เข้าเฝ้าพระองค์อยู่ รู้จักความผิด
จึงขอประทานโทษ เฉพาะพระพักตร์ของพระศาสดา
[326] ข้าแต่พระมหาวีระ
เมื่อหม่อมฉันเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสงสาร
หากมีความผิดพลาดในพระองค์ หม่อมฉันกราบทูลว่า
ขอพระองค์โปรดยกโทษให้แก่หม่อมฉันด้วยเถิด’
[327] พระจอมมุนีทรงสดับคำของพระยโสธราภิกษุณีแล้ว
จึงตรัสดังนี้ว่า ‘เมื่อเธอบอกว่าจะลานิพพาน
ตถาคตจะไปว่าอะไรเธอให้มากเล่า
[328] เธอผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเรา จงแสดงฤทธิ์
และตัดความสงสัยของบริษัททั้งปวงในศาสนาเถิด’
[329] พระยโสธราภิกษุณีนั้น
ได้ฟังพระดำรัสของพระมุนีพระองค์นั้นแล้ว
จึงไหว้พระราชมุนีนั้นกราบทูลคำนี้ว่า
[330] ‘ข้าแต่พระมหาวีระ หม่อมฉันชื่อยโสธรา
เมื่อสมัยที่ยังทรงครองฆราวาสวิสัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :497 }