เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [3. กุณฑลเกสีวรรค] 7. ภัททกาปิลานีเถริยาปทาน
[297] หม่อมฉันได้บำรุงจนตลอดชีวิต
นิมนต์ให้พักอยู่ในพระราชอุทยานแล้ว
และบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น ผู้นิพพานแล้ว
[298] หม่อมฉันทั้ง 2 ได้สร้างเจดีย์หลายองค์
แล้วก็พากันออกบวช เจริญอัปปมัญญา
แล้วได้ไปเกิดในพรหมโลก
[299] จุติจากพรหมโลกแล้ว สามีของหม่อมฉัน
เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อปิปผลายนะ
ที่ประเทศมหาติตถะ มารดาชื่อสุมนเทวี
บิดาเป็นพราหมณ์โกสิยโคตร
[300] หม่อมฉันเป็นธิดาของกบิลพราหมณ์
มารดาชื่อสุจิมตี ในมัททชนบท นครสากละที่ประเสริฐสุด
[301] บิดาหล่อรูปของหม่อมฉันด้วยทองคำแท่งแล้ว
ถวายรูปหล่อแก่พระกัสสปธีรเจ้า ผู้เว้นจากกามทั้งหลาย
[302] พราหมณ์ปิปผลายนะนั้นเป็นหนุ่ม
ไปตรวจดูงานในกาลบางคราว
เห็นสัตว์ทั้งหลายที่ถูกกาเป็นต้นจิกกินแล้ว เกิดความสลดใจ
[303] ครั้งนั้น หม่อมฉันเห็นเมล็ดงาที่มีอยู่ในเรือน
ซึ่งนำออกผึ่งแดด เห็นกาจิกกินหนอนอยู่ ได้ความสลดใจ
[304] ครั้งนั้น พราหมณ์ปิปผลายนะผู้เป็นปราชญ์ออกบวช
หม่อมฉันก็ออกบวชตาม อยู่บำเพ็ญศีลพรตของปริพาชก 5 ปี
[305] เมื่อพระนางโคตมีผู้บำรุงเลี้ยงพระชินเจ้าทรงผนวชแล้ว
หม่อมฉันได้เข้าไปหาพระนาง และเป็นผู้อันพระพุทธเจ้าสั่งสอนแล้ว
[306] โดยกาลไม่นานนัก หม่อมฉันก็ได้บรรลุอรหัตตผล
โอ ! เรามีพระมหากัสสปเถระผู้มีสิริ เป็นกัลยาณมิตร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :494 }