เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. เอกูโปสถิกวรรค] 7. มหาปชาปตีโคตมีเถริยาปทาน
[267] ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็ปรากฏ
และดวงดาวทั้งหลายก็ส่องแสง
อนึ่ง ดวงอาทิตย์แม้อยู่ในเวลาเที่ยงวัน
ก็เหมือนดวงจันทร์ไม่ส่องแสงให้เร่าร้อน
[268] เทพทั้งหลายพากันบูชาด้วยของหอม
และดอกไม้มีกลิ่นหอม
ด้วยการประโคมดนตรี ฟ้อนรำ และขับร้องอันเป็นทิพย์
[269] นาค อสูร และพรหม
ต่างก็พากันบูชาพุทธมารดาผู้นิพพานซึ่งถูกเขานำออกไปแล้ว
ตามความสามารถตามกำลัง
[270] ภิกษุณีผู้เป็นโอรสของพระสุคต
ซึ่งนิพพานแล้วทั้งหมดถูกอัญเชิญไปข้างหน้า
พระโคตมีเถรีผู้เลี้ยงดูพระพุทธเจ้า
ผู้อันเทวดาและมนุษย์สักการะแล้วถูกอัญเชิญไปข้างหลัง
[271] เทวดา มนุษย์ พร้อมด้วยนาค อสูร
และพรหมไปข้างหน้า
พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยสาวกเสด็จไปข้างหลัง
เพื่อบูชาพุทธมารดา
[272] การปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
หาได้เป็นเช่นการปรินิพพานของพระโคตมีเถรีไม่
การปรินิพพานของพระโคตมีเถรีอัศจรรย์ยิ่งนัก
[273] ในเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ไม่มีพระพุทธเจ้าและภิกษุทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นต้น
เหมือนในเวลาที่พระโคตมีเถรีนิพพาน
ซึ่งมีทั้งพระพุทธเจ้าและภิกษุทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นต้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :423 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. เอกูโปสถิกวรรค] 7. มหาปชาปตีโคตมีเถริยาปทาน
[274] ชนทั้งหลายช่วยกันทำจิตกาธาน
ซึ่งสำเร็จด้วยไม้มีกลิ่นหอมล้วนและโปรยจุรณเครื่องหอม
แล้วฌาปนกิจภิกษุณีเหล่านั้นบนจิตกาธานนั้น ๆ
[275] ส่วนที่เหลือถูกไฟไหม้ไปสิ้นเหลือไว้เพียงอัฐิ
ก็เวลานั้น ท่านพระอานนท์ได้กล่าววาจา
ให้เกิดความสังเวชว่า
[276] “พระโคตมีเถรีนิพพานแล้ว
พระสรีระของพระนางก็ถูกเผาแล้ว
กำหนดได้ว่า การปรินิพพานของพระพุทธเจ้านี้
คงจักมีโดยกาลไม่นาน
[277] จากนั้น ท่านพระอานนท์ถูกพระพุทธเจ้าทรงตักเตือน
จึงได้น้อมนำอัฐิธาตุของพระโคตมีเถรี
ซึ่งอยู่ในบาตรของพระนางเข้ามาถวายพระโลกนาถ
[278] พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นฤๅษีผู้ประเสริฐ
ทรงใช้พระหัตถ์ประคองอัฐิเหล่านั้น
ได้ตรัสว่า “ต้นไม้ใหญ่มีแก่นยืนต้น
[279] ถึงจะมีลำต้นใหญ่โต ก็พึงหักทำลายไปได้
เพราะความไม่เที่ยง พระโคตมีเถรีก็เหมือนกัน
ถึงจะเป็นใหญ่กว่าภิกษุณีสงฆ์ก็ปรินิพพานไปแล้ว
[280] ดูเถิดอานนท์ พุทธมารดาแม้ปรินิพพานแล้ว
เหลือเพียงสรีรธาตุ เธอไม่ควรเศร้าโศกคร่ำครวญถึง
[281] คนอื่น ๆ ก็ไม่ควรเศร้าโศกถึง
พระนางผู้ข้ามห้วงน้ำคือสังสารวัฏไปแล้ว
ละเว้นเหตุที่ทำให้เดือดร้อนได้แล้ว เป็นผู้เย็นดับสนิทแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :424 }