เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. เอกูโปสถิกวรรค] 7. มหาปชาปตีโคตมีเถริยาปทาน
[184] ได้ทำโลกให้สวยงามประหนึ่งเวลาอาทิตย์ 6 ดวง
อุทัยเหนือภูเขายุคันธร
และได้ทำโลกให้เป็นเหมือนกลุ่มตาข่ายดอกไม้ที่ยอดภูเขายุคันธร
[185] ใช้พระหัตถ์ข้างหนึ่งกำภูเขามุจลินท์
ภูเขาสิเนรุ ภูเขามันทาระ
และภูเขาทัททระไว้ได้ทั้งหมด
เหมือนกำเมล็ดพันธุ์ผักกาด
[186] ใช้ปลายนิ้วพระหัตถ์บังดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไว้
ทัดทรงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไว้เป็นพัน ๆ ดวง
เหมือนทัดทรงพวงมาลัย
[187] ใช้ฝ่าพระหัตถ์ข้างหนึ่งธารน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ไว้ได้
ทำฝนห่าใหญ่ให้ตกมีอาการดังสายน้ำที่ตกจากภูเขายุคันธร
[188] พระนางนั้นได้เนรมิตองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
พร้อมด้วยบริวารในท้องฟ้า แสดงเป็นครุฑ
คชสาร ราชสีห์ ต่างบันลือร้องอยู่
[189] พระองค์เดียวทรงเนรมิตเป็นคณะภิกษุณีนับไม่ถ้วน
แล้วก็อันตรธานกลับเป็นองค์เดียวกราบทูลพระมุนีว่า
[190] “ข้าแต่พระมหาวีระ ผู้มีพระจักษุ
หม่อมฉันผู้เป็นพระมาตุจฉาของพระองค์
เป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์
บรรลุประโยชน์ตนโดยลำดับแล้ว
ขอกราบพระยุคลบาท”
[191] พระนาง ครั้นแสดงฤทธิ์อย่างต่าง ๆ แล้วลงจากท้องฟ้า
ทรงไหว้พระพุทธองค์ผู้ทรงส่องโลกให้สว่างแล้ว
ประทับนั่ง ณ ที่สมควรแห่งหนึ่ง (กราบทูลว่า)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :412 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. เอกูโปสถิกวรรค] 7. มหาปชาปตีโคตมีเถริยาปทาน
[192] “ข้าแต่พระมหามุนีวีรเจ้า
ผู้ทรงเป็นผู้นำ หม่อมฉันนั้นมีอายุได้ 120 ปี
เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว หม่อมฉันจักนิพพาน”
[193] ครั้งนั้น บริษัททั้งหมดนั้น
ถึงความพิศวงยิ่งนักจึงได้พากันประนมมือถามว่า
“ข้าแต่พระแม่เจ้า ผู้มีความบากบั่น พระแม่เจ้าได้ทำบุญอะไรไว้
จึงเป็นผู้มีฤทธิ์หาที่เปรียบมิได้”
[194] (พระมหาปชาบดีโคตมีเถรีได้กล่าวบุพจริยาของท่านดังต่อไปนี้ว่า)
พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้มีพระจักษุในธรรมทั้งปวง ทรงเป็นผู้นำ
เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในกัปที่ 100,000 นับจากกัปนี้ไป
[195] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลอำมาตย์
ซึ่งสมบูรณ์ด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง
เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย มีทรัพย์มาก ในกรุงหงสวดี
[196] ในกาลบางคราว ข้าพเจ้าพร้อมด้วยบิดา
มีหมู่ทาสีห้อมล้อมเข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้องอาจกว่านรชน
พร้อมด้วยบริวารจำนวนมาก
[197] พระชินเจ้าผู้ไม่มีอาสวะ
ทำฝนคือธรรมให้ตกลงอยู่ เหมือนท้าววาสวะ
มีกลุ่มแห่งพระรัศมีโชติช่วง
เช่นกับดวงอาทิตย์ในสารทกาล
[198] ข้าพเจ้าเห็นแล้วทำจิตให้เลื่อมใส
และได้สดับสุภาษิตของพระองค์
ได้สดับพระผู้ทรงเป็นผู้นำของนรชน
ทรงตั้งภิกษุณีผู้เป็นพระมาตุจฉาไว้ในตำแหน่งที่เลิศ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :413 }