เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. เอกูโปสถิกวรรค] 7. มหาปชาปตีโคตมีเถริยาปทาน
ทำประทักษิณภูเขาพระสุเมรุ หมอบลงแทบพระยุคลบาทแล้ว
ยืนเพ่งดูพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลว่า
[149] “จักษุของหม่อมฉัน
ไม่เคยอิ่มด้วยการเห็นพระองค์
โสตของหม่อมฉันก็ไม่เคยอิ่มด้วยภาษิตของพระองค์
จิตของหม่อมฉันดวงเดียวเท่านั้น
บรรลุธรรมจึงอิ่มด้วยรสแห่งธรรม
[150] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นนระผู้ประเสริฐ
เมื่อพระองค์บันลืออยู่ในท่ามกลางบริษัท กำจัดทิฏฐิมานะ
ชนเหล่าใดเห็นพระพักตร์ของพระองค์
ชนเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้มีโชคดี
[151] ข้าแต่พระองค์ผู้ถึงที่สุดแห่งสงคราม
ชนเหล่าใดประณตน้อมพระยุคลบาทของพระองค์
ซึ่งมีพระองคุลียาว มีพระนขาแดงงดงาม มีส้นพระยุคลบาทยาว
แม้ชนเหล่านั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้มีโชคดี
[152] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นนระผู้สูงสุด
ชนเหล่าใดได้สดับพระดำรัสของพระองค์
ซึ่งไพเราะน่าปลื้มใจ เผาเสียซึ่งโทษ เป็นประโยชน์เกื้อกูล
แม้ชนเหล่านั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้มีโชคดี
[153] ข้าแต่พระมหาวีระ หม่อมฉัน
อิ่มไปด้วยการบูชาพระยุคลบาทของพระองค์
ข้ามพ้นทางกันดารคือสงสารได้
ด้วยพระสุนทรกถาของพระองค์ผู้มีพระสิริ
ฉะนั้น หม่อมฉันจึงชื่อว่าเป็นผู้มีโชคดี”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :407 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. เอกูโปสถิกวรรค] 7. มหาปชาปตีโคตมีเถริยาปทาน
[154] ลำดับนั้น พระมหาปชาบดีโคตมีผู้มีวัตรงาม
ประกาศในหมู่ภิกษุสงฆ์แล้วไหว้พระราหุล
พระอานนท์ และพระนันทะแล้วได้ตรัสดังนี้ว่า
[155] “ดิฉันเบื่อหน่ายร่างกายซึ่งเสมอด้วยที่อยู่ของอสรพิษ
เป็นรังแห่งโรค เป็นสถานที่เกิดทุกข์
มีชราและมรณะเป็นโคจร
[156] เกลื่อนกล่นไปด้วยมลทินคือซากศพต่าง ๆ
ต้องพึ่งพาผู้อื่น ปราศจากความน่าใฝ่ใจ
ฉะนั้น ดิฉันจึงปรารถนาจะนิพพานเสีย
ขอลูก ๆ ทั้งหลายจงเข้าใจตามสมควรเถิด”
[157] พระนันทเถระและพระภัททราหุล
เป็นผู้ปราศจากความเศร้าโศก หมดอาสวะ ตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหว มีปัญญา มีความเพียร ได้คิดตามธรรมดาว่า
[158] “น่าติเตียน ร่างกายที่ปัจจัยปรุงแต่ง
มีภาวะหวั่นไหว ปราศจากแก่นสาร เปรียบได้กับต้นกล้วย
เช่นเดียวกับพยับแดดซึ่งเป็นมายา ต่ำช้าไม่มั่นคง
[159] พระโคตมีเถรีพระมาตุจฉาของพระชินเจ้านี้
ซึ่งได้เคยเลี้ยงดูพระพุทธเจ้าก็ยังต้องเสด็จนิพพาน
สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งล้วนไม่เที่ยง”
[160] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์พุทธอนุชา
ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐากของพระชินเจ้า
ยังเป็นพระเสขบุคคลอยู่ ท่านหลั่งน้ำตา
คร่ำครวญอย่างน่าเวทนาในที่นั้นว่า
[161] “พระโคตมีเถรีตรัสอยู่หลัด ๆ ก็จะเสด็จนิพพานเสียแล้ว
คงอีกไม่นานเลย แม้พระพุทธเจ้าก็จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน
เหมือนไฟที่หมดเชื้อแล้ว”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :408 }