เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [55. ภัททิยวรรค] 10. จูฬสุคันธเถราปทาน
[289] พระองค์ทรงพร่ำสอนอย่างนี้ว่า
บุคคลจะเป็นผู้มีโภคสมบัติมากได้ก็เพราะการถวายทาน
จะเข้าถึงสุคติได้ก็เพราะศีล
จะดับกิเลสได้ก็เพราะการเจริญภาวนา
[290] บริษัททั้งหลายทั้งปวงฟังเทศนานั้นที่มีความเบาใจมาก
ซึ่งไพเราะทั้งเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุด
มีรสเลิศประหนึ่งน้ำอมฤต
[291] ข้าพเจ้าได้ฟังพระธรรมที่ไพเราะยิ่ง
ก็เกิดความเลื่อมใสในศาสนาของพระชินเจ้า
จึงถึงพระสุคตเป็นที่พึ่งนอบน้อมบูชาจนตลอดชีวิต
[292] ครั้งนั้น ข้าพเจ้านั้นได้ใช้คันธชาติ 4 ชนิด1
ทาพื้นพระคันธกุฎีของพระมุนีเดือนละ 8 วัน
[293] โดยตั้งปณิธานให้สรีระที่ปราศจากกลิ่นหอมให้มีกลิ่นหอม
ครั้งนั้น พระชินเจ้าได้ตรัสพยากรณ์
ข้าพเจ้าผู้ต้องการได้กายมีกลิ่นหอมว่า
[294] นรชนใด ใช้ของหอมทาพื้นพระคันธกุฎีคราวเดียว
ด้วยผลของกรรมนั้น นรชนนั้นเกิดในภพใดภพหนึ่ง
[295] นรชนนี้จักเป็นผู้มีกลิ่นกายหอมไปทุก ๆ ชาติ
จักเป็นผู้ประกอบด้วยกลิ่นคือคุณ ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[296] ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
และด้วยเจตนาที่ตั้งไว้มั่น
ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้ว
จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

เชิงอรรถ :
1 คันธชาติ 4 ชนิด คือ (1) กลิ่นที่เกิดจากราก (2) กลิ่นที่เกิดจากแก่น (3) กลิ่นที่เกิดจากดอก
(4) กลิ่นที่เกิดจากใบ (องฺ.ติก. (แปล) 20/80/304)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :331 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [55. ภัททิยวรรค] 10. จูฬสุคันธเถราปทาน
[297] บัดนี้ เป็นภพสุดท้าย ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลพราหมณ์
เมื่อข้าพเจ้ายังอยู่ในครรภ์มารดา
มารดาเป็นหญิงมีกายมีกลิ่นหอม
[298] และในเวลาที่ข้าพเจ้าคลอดจากครรภ์มารดานั้น
กรุงสาวัตถีหอมฟุ้งเหมือนอบด้วยกลิ่นหอมทุกอย่าง
[299] ขณะนั้น ฝนดอกไม้ที่หอมหวล
กลิ่นทิพย์ที่น่ารื่นรมย์ใจ และธูปมีค่ามากก็หอมฟุ้งไป
[300] ข้าพเจ้าเกิดในเรือนหลังใด
เรือนหลังนั้น เทวดาได้ใช้ธูปและดอกไม้
ล้วนแต่มีกลิ่นหอมและเครื่องหอมมาอบ
[301] ในเวลาที่ข้าพเจ้ายังเยาว์และเจริญวัยดำรงอยู่ในปฐมวัย
พระศาสดาผู้เป็นสารถีฝึกนรชน
ทรงแนะนำบริษัทของพระองค์ที่เหลือแล้ว
[302] มีสาวกเหล่านั้นทั้งหมดแวดล้อมเสด็จมาถึงกรุงสาวัตถี
ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพุทธานุภาพนั้นแล้วจึงออกบวช
[303] ข้าพเจ้าเจริญธรรม 4 ประการ
คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และวิมุตติอันยอดเยี่ยม
แล้วบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นอาสวะ
[304] ในคราวที่ข้าพเจ้าออกบวช
ในคราวที่ข้าพเจ้าเป็นพระอรหันต์
และในคราวที่ข้าพเจ้าจักปรินิพพาน
ได้มีฝนซึ่งมีกลิ่นหอม(ตกลงมา)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :332 }