เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [55. ภัททิยวรรค] 8. โลมสติยเถราปทาน
ข่มเทพบุตรที่เหลือในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น
ด้วยการฟ้อน การขับร้อง การประโคม
[228] และด้วยองค์ 10 มีรูปเป็นต้นอันเป็นทิพย์
เสวยความสุขเป็นอันมากอยู่จนตลอดอายุ
[229] จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นแล้ว
จันทเทพบุตรได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ส่วนข้าพเจ้าได้เกิดเป็นโอรสของเจ้าศากยะในกรุงกบิลพัสดุ์
[230] ในคราวที่พระศาสดาทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ซึ่งพระอุทายีเถระทูลเชิญเสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์
เพื่อทรงอนุเคราะห์เจ้าศากยะ
[231] ครั้งนั้น พวกเจ้าศากยะมีมานะจัด
ไม่รู้คุณของพระพุทธเจ้า เป็นคนกระด้างเพราะชาติตระกูล
ไม่เอื้อเฟื้อ ไม่นอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[232] พระชินเจ้าทรงทราบความดำริ
ของเจ้าศากยะเหล่านั้น
จึงได้เสด็จจงกรมในอากาศ เหมือนเมฆฝนตกลง
และเหมือนเปลวไฟที่ลุกโพลงอยู่
[233] ทรงแสดงพระรูปที่ไม่มีที่เปรียบแล้วอันตรธานไป
แม้พระองค์เดียวก็เนรมิตเป็นหลายองค์ได้
แล้วกลับเป็นองค์เดียวเหมือนเดิม
[234] พระมุนีทรงแสดงความมืดและแสงสว่าง
ทรงกระทำปาฏิหาริย์มากมาย
ทรงปราบพวกพระญาติจนหมดมานะ
[235] ขณะนั้นเอง มหาเมฆที่ตั้งขึ้นในทวีปทั้ง 4 ทำฝนให้ตกแล้ว
ก็ในครั้งนั้น พระพุทธเจ้าได้แสดงเวสสันดรชาดก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :322 }