เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [54. กัจจายนวรรค] 9. ราธเถราปทาน
[305] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค
ผู้มีพระรัศมีซ่านออกจากพระวรกายดุจแท่งทอง
ได้ตรัสกับข้าพเจ้าด้วยพระสุรเสียงอันน่ายินดี
มีปกตินำมลทินคือกิเลสออกไปว่า
[306] ‘จงเป็นผู้มีความสุข
มีอายุยืนเถิด ปณิธาน(ความปรารถนา) ของเธอก็จงสำเร็จเถิด
สักการะที่เธอทำในเราพร้อมทั้งพระสงฆ์ก็จงมีผลไพบูลย์อย่างยิ่งเถิด
[307] ในกัปที่ 100,000 นับจากกัปนี้ไป
พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร
ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
[308] พราหมณ์นี้จักมีนามว่าราธะ
เป็นธรรมทายาท เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต
เป็นสาวกของพระศาสดาพระองค์นั้น
[309] พระผู้ทรงเป็นผู้นำพระองค์นั้น
เป็นพระราชโอรสของเจ้าศากยะ ทรงองอาจกว่านรชน
ทรงยินดีในคุณที่เป็นเหตุของท่านแล้ว จักทรงแต่งตั้งท่านว่า
เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีปฏิภาณ’
[310] ข้าพเจ้าได้ฟังพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว
เป็นผู้เบิกบาน มีจิตประกอบด้วยเมตตา
บำรุงพระชินเจ้าจนตลอดชีวิต ในครั้งนั้น
เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญา
[311] ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
และด้วยเจตนาที่ตั้งไว้มั่น
ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้ว
จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :280 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [54. กัจจายนวรรค] 9. ราธเถราปทาน
[312] ข้าพเจ้าได้ครองเทวสมบัติตลอด 300 ชาติ
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ
[313] และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอย่างไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
เพราะอานุภาพแห่งกรรมนั้น
ข้าพเจ้าจึงเป็นผู้มีความสุขในทุกภพ
[314] เมื่อถึงภพสุดท้าย ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลที่ยากจน
ขาดเครื่องนุ่งห่มและอาหาร
ในกรุงราชคฤห์ที่อุดมสมบูรณ์
[315] ได้ถวายภิกษาทัพพีหนึ่งแก่พระสารีบุตรผู้คงที่
ในเวลาที่ข้าพเจ้าแก่เฒ่า ได้อาศัยอารามนั้นอยู่
[316] ครั้งนั้น ไม่มีภิกษุรูปใดบวชให้ข้าพเจ้าผู้แก่เฒ่า
ผู้มีกำลังและเรี่ยวแรงถดถอย
เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงเป็นคนตกยาก
มีผิวพรรณไม่ผ่องใสและเศร้าโศก
[317] พระมหามุนีผู้ประกอบด้วยพระมหากรุณา
ทอดพระเนตรเห็นเข้าจึงตรัสถามข้าพเจ้าว่า
‘ลูก ไฉนจึงเศร้าโศก จงบอกถึงความเสียดแทงที่เกิดในใจของเธอ’
[318] ข้าพเจ้าได้กราบทูลว่า ‘ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียร
ข้าพระองค์ไม่ได้บวชในศาสนาของพระองค์ ซึ่งพระองค์ตรัสดีแล้ว
เพราะความเศร้าโศกนั้น ข้าพระองค์จึงเป็นคนตกยาก
ข้าแต่พระผู้ทรงเป็นผู้นำ
ขอพระองค์จงเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์ด้วยเถิด’
[319] ครั้งนั้น พระมุนีผู้ประเสริฐ
ได้รับสั่งให้เรียกภิกษุมาประชุมพร้อมแล้วตรัสถามว่า
‘ผู้ที่นึกถึงสักการะยิ่งใหญ่ของพราหมณ์นี้ได้ มีอยู่หรือจงบอกมา’

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :281 }