พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [48. นฬมาลิวรรค] 8. วัลลิการผลทายกเถราปทาน
8. วัลลิการผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวัลลิการผลทายกเถระ
(พระวัลลิการผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[66] ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ
ประทับอยู่ในกรุงตักกรา
ข้าพเจ้าได้หยิบผลไม้เครือเถา1ถวายพระสยัมภู
[67] ในกัปที่ 31 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้เครือเถา
[68] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[69] การที่ข้าพเจ้ามาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา 3 ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[70] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าก็ได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวัลลิการผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
วัลลิการผลทายกเถราปทานที่ 8 จบ
เชิงอรรถ :
1 ผลไม้เครือเถา ในที่นี้หมายถึงผลแตงโมก็ได้ (ขุ.วิ.( แปล) 26/461-468/64)
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [48. นฬมาลิวรรค] 9. ปานธิทายกเถราปทาน
9. ปานธิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปานธิทายกเถระ
(พระปานธิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[71] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอโนมทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน ผู้มีพระจักษุ
เสด็จออกจากที่ประทับกลางวันแล้วเสด็จขึ้นสู่ถนน
[72] ข้าพเจ้าสวมรองเท้าที่ทำอย่างดีออกเดินทางไกล
ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีพระรูปงดงามน่าดูน่าชมในที่นั้น
เสด็จดำเนินด้วยพระบาทเปล่า
[73] ข้าพเจ้าทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ถอดรองเท้าออกวางไว้แทบพระบาท
แล้วได้กราบทูลคำนี้ว่า
[74] ข้าแต่พระสุคต ผู้มีความเพียรมาก
ผู้เป็นใหญ่ ผู้ทรงเป็นผู้นำวิเศษ
ขอเชิญพระองค์สวมรองเท้าเถิด
ข้าพระองค์จักได้ผลจากรองเท้าคู่นี้
ขอความต้องการของข้าพระองค์จงสำเร็จเถิด
[75] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอโนมทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ทรงสวมรองเท้าแล้ว ได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า
[76] เราจักพยากรณ์ผู้ที่เลื่อมใสได้ถวายรองเท้าแก่เรา
ด้วยมือทั้ง 2 ของตน
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
