เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [48. นฬมาลิวรรค] 2. มณิปูชกเถราปทาน
ทำจิตของตนให้เลื่อมใสแล้ว
จึงได้ไหว้พระศาสดา
[12] ข้าพเจ้าหยิบแก้วมณีประดับศีรษะของข้าพเจ้า
บูชาพระผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ปรารถนาว่า ด้วยการบูชาด้วยแก้วมณีนี้ ขอจงมีวิบากที่ดี
[13] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ประทับยืนอยู่ในอากาศ ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[14] ขอความดำริของท่านนั้นจงสำเร็จเถิด
ขอท่านจงได้สุขอันไพบูลย์เถิด
ด้วยการบูชาด้วยแก้วมณีนี้
ขอท่านจงได้รับยศที่ยิ่งใหญ่เถิด
[15] พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดพระนามว่าปทุมุตตระ
ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
ครั้นตรัสแก่ข้าพเจ้าผู้ตั้งจิตปรารถนาไว้แล้วก็เสด็จไป
[16] ข้าพเจ้าได้เป็นจอมเทพครองเทวสมบัติตลอด 60 กัป
และได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหลายร้อยชาติ
[17] เมื่อข้าพเจ้าเกิดเป็นเทวดา
ระลึกถึงบุพกรรมขึ้นมา
แก้วมณีย่อมบังเกิดแก่ข้าพเจ้า
(และ)ให้แสงสว่างแก่ข้าพเจ้า
[18] สตรีสาวล้วน 86,000 นาง
สวมใส่ผ้าอาภรณ์อย่างงดงาม
ห้อยตุ้มหูแก้วมณี เป็นผู้รับใช้ของข้าพเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :119 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [48. นฬมาลิวรรค] 2. มณิปูชกเถราปทาน
[19] ล้วนมีหน้ากลมโต มีปกติร่าเริง รูปร่างงดงาม
เอวเล็กเอวบาง แวดล้อมข้าพเจ้าอยู่เป็นนิตย์
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยแก้วมณี
[20] สิ่งของเครื่องประดับที่ทำด้วยทองคำ
แก้วมณี และแก้วทับทิม
เป็นอันทำดีแล้วเพื่อข้าพเจ้า
ตามที่ข้าพเจ้าต้องการ
[21] เรือนยอด ถ้ำที่น่ารื่นรมย์
และที่นอนมีค่ามาก ดังจะรู้ความดำริของข้าพเจ้า
ก็บังเกิดตามความปรารถนา
[22] การที่เหล่าสัตว์ได้เข้าไปฟัง
เป็นลาภที่พวกเขาได้ดีแล้ว
เป็นเนื้อนาบุญของมนุษย์
เป็นโอสถของสรรพสัตว์
[23] ถึงกรรมที่ข้าพเจ้าได้เข้าเฝ้าพระผู้ทรงเป็นผู้นำ
ก็ชื่อว่าทำไว้ดีแล้ว ข้าพเจ้าเป็นผู้รอดพ้นจากนรก
ได้บรรลุบทที่ไม่หวั่นไหว
[24] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือ จะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
แสงสว่างย่อมมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ
ทั้งกลางวันและกลางคืน
[25] เพราะการบูชาด้วยแก้วมณีนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้เสวยสมบัติ
พบแสงสว่างคือญาณ ได้บรรลุบทที่ไม่หวั่นไหว
[26] ในกัปที่ 100,000 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้แก้วมณีบูชาไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :120 }