เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [42. ภัททาลิวรรค] 2. เอกฉัตติยเถราปทาน
[60] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีความยินดี ร่าเริงบันเทิงใจ
มุ่งหวังกองธรรมอันวิเศษ ออกจากอาศรมแล้วพูดดังนี้ว่า
[61] พระพุทธเจ้าผู้ทรงลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ1
เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก มาเถิด ท่านทั้งหลาย
เราทุกคนจักไปยังสำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[62] ศิษย์เหล่านั้นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนบรรลุบารมีในพระสัทธรรม
แสวงหาประโยชน์อย่างยอดเยี่ยม ต่างรับว่า สาธุ
[63] ครั้งนั้น พวกเขาสวมชฎาและทรงบริขาร
นุ่งห่มผ้าหนังสัตว์
แสวงหาประโยชน์อย่างยอดเยี่ยมได้ออกไปจากป่า

เชิงอรรถ :
1 ลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ คือ (1) มีฝ่าพระบาทราบเสมอกัน (2) พื้นใต้พระบาททั้ง 2 มีจักร
ปรากฏข้างละ 1,000 ซี่ มีกงและดุม มีส่วนประกอบครบบริบูรณ์ทุกอย่าง (3) ทรงมีส้นพระบาทยาว
(4) มีองคุลียาว (5) ทรงมีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม (6) ทรงมีลายดุจตาข่ายที่ฝ่าพระหัตถ์
และฝ่าพระบาท (7) ทรงมีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ (8) ทรงมีพระชงฆ์เรียว ดุจแข้งเนื้อทราย (9) เมื่อ
ประทับยืน ไม่ต้องทรงก้มก็ทรงลูบคลำถึงพระชานุได้ด้วยพระหัตถ์ทั้ง 2 (10) ทรงมีพระคุยหฐานเร้น
อยู่ในฝัก (11) ทรงมีพระฉวีวรรณงดงามดุจหุ้มด้วยทองคำ (12) ทรงมีพระฉวีละเอียดจนละอองธุลี
ไม่เกาะติดพระวรกาย (13) ทรงมีพระโลมชาติงอกเส้นเดียวในแต่ละขุม (14) ทรงมีพระโลมชาติสีเข้ม
เหมือนดอกอัญชันขดเป็นลอนเวียนขวามีปลายตั้งขึ้น (15) ทรงมีพระวรกายตรงดุจกายพรหม (16) ทรง
มีพระมังสะพูนเต็มในที่ 7 แห่ง (คือ หลังพระหัตถ์ทั้ง 2 หลังพระบาททั้ง 2 พระอังสะทั้ง 2 และ
ลำพระศอ) (17) ทรงมีส่วนพระวรกายบริบูรณ์ดุจกึ่งกายท่อนหน้าของพญาราชสีห์ (18) ทรงมีพระ
ปฤษฎางค์เต็มเรียบเสมอกัน (19) ทรงมีพระวรกายเป็นปริมณฑลดุจปริมณฑลต้นไทร พระวรกายสูง
เท่ากับวาของพระองค์ (20) ทรงมีพระศอกลมงามเต็มเสมอ (21) ทรงมีเส้นประสาทสำหรับรับรส
พระกระยาหารได้อย่างดี (22) ทรงมีพระหนุดุจคางราชสีห์ (23) ทรงมีพระทนต์ 40 ซี่ (24) ทรง
มีพระทนต์เรียบเสมอกัน (25) ทรงมีพระทนต์ไม่ห่างกัน (26) ทรงมีพระเขี้ยวแก้วขาวงาม (27) ทรง
มีพระชิวหาใหญ่ (28) ทรงมีพระสุรเสียงดุจเสียงพรหมตรัสมีสำเนียงดุจนกการเวก (29) ทรงมีพระเนตร
ดำสนิท (30) ทรงมีดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด (31) ทรงมีพระอุณาโลมระหว่างพระโขนง
สีขาวอ่อนเหมือนปุยนุ่น (32) ทรงมีพระเศียรงดงามดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ (ที.ปา. (แปล)
11/200/159-163, ม.ม. (แปล) 13/386/474-478)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :10 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [42. ภัททาลิวรรค] 2. เอกฉัตติยเถราปทาน
[64] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
มีพระยศยิ่งใหญ่1 เมื่อจะทรงประกาศสัจจะ 4
จึงได้ทรงแสดงอมตบท
[65] ข้าพเจ้ายืนถือเศวตฉัตรกั้นถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
ครั้นกั้นถวายตลอดวันหนึ่งแล้ว
ได้กราบไหว้พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[66] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[67] เราจักพยากรณ์ผู้ที่มีจิตเลื่อมใส
ซึ่งได้กั้นเศวตฉัตรให้เราด้วยมือทั้ง 2 ของตน
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[68] เมื่อผู้นี้เกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ประชาชนจักคอยกั้นฉัตรให้ทุกเมื่อ
นี้เป็นผลแห่งการกั้นฉัตรถวาย
[69] ผู้นี้จักรื่นรมย์ในเทวโลกตลอด 77 กัป
จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 1,000 ชาติ
[70] และจักครองเทวสมบัติตลอด 77 ชาติ
จักเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
[71] ในกัปที่ 118 (นับจากกัปนี้ไป)
พระศาสดาพระนามว่าโคดมศากยะ ผู้ประเสริฐ
ผู้มีพระจักษุ จักเสด็จอุบัติขึ้น
กำจัดความมืดมนให้พินาศไป

เชิงอรรถ :
1 มีพระยศใหญ่ หมายถึงมียศแผ่ไปในโลก 3 คือ มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก (ขุ.อป.อ. 1/614/364,
ขุ.อป.อ. 2/351/331)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :11 }