เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [1. พุทธวรรค] 3. เถราปทาน 9. ขทิรวนิยเรวตเถราปทาน
[635] ในกัปที่ 57 (นับจากกัปนี้ไป)
จักเกิดเป็นกษัตริย์พระนามว่าจัมพกะ
มีพลานุภาพมาก จักรุ่งเรืองดังดวงอาทิตย์อุทัย
[636] ในกัปที่ 100,000 (นับจากกัปนี้ไป)
พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร
ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
[637] นายเรือผู้นี้จุติจากสวรรค์ชั้นไตรทิพย์แล้วจักไปเกิดเป็นมนุษย์
เป็นบุตรของพราหมณ์มีนามว่าเรวตะ ตามโคตร
[638] เขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จักออกจากเรือนไปบวชในศาสนา
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดม
[639] หลังจากบวชแล้ว เขาจักประกอบความเพียร เจริญวิปัสสนา
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[640] ข้าพเจ้ามีความเพียรสำหรับนำพาธุระ
เป็นความเพียรที่นำมาซึ่งธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะ
ข้าพเจ้าทรงร่างกายซึ่งมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[641] กรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ใน 100,000 กัป
แสดงผลแก่ข้าพเจ้าแล้วในอัตภาพสุดท้ายนี้
ข้าพเจ้าหลุดพ้นดีแล้วดุจความเร็วแห่งลูกศรพ้นไปจากแล่ง
เผากิเลสทั้งหลายได้แล้ว
[642] แต่นั้น พระมุนีผู้มีพระปัญญามาก
ทรงถึงที่สุดแห่งโลก(คือถึงความสิ้นทุกข์)
ได้ทอดพระเนตรเห็นข้าพเจ้าผู้ยินดีในป่า
จึงทรงตั้งข้าพเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุผู้อยู่ป่าเป็นวัตร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :97 }