เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [1. พุทธวรรค] 3. เถราปทาน 9. ขทิรวนิยเรวตเถราปทาน
9. ขทิรวนิยเรวตเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระขทิรวนิยเรวตเถระ
(พระขทิรวนิยเรวตเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[628] แม่น้ำภาคีรถี ไหลมาจากภูเขาหิมพานต์
ข้าพเจ้าเกิดเป็นนายเรือ อยู่ที่ท่าน้ำไม่ราบเรียบ
พาคนส่งข้ามฟากจากฝั่งโน้นมาฝั่งนี้
[629] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงเป็นผู้นำ ผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
พร้อมกับพระขีณาสพ 100,000 รูป
ผู้ได้วสี จักข้ามกระแสแม่น้ำคงคา
[630] ข้าพเจ้าได้นำเรือมาจอดรวมกันไว้จำนวนมาก
แล้วจัดประทุนที่นายช่างประกอบอย่างดีไว้บนเรือ
ต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้องอาจกว่านรชน
[631] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ศาสดาได้เสด็จมาขึ้นเรือนั้นแล้ว
ประทับอยู่ท่ามกลางน้ำ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[632] นายเรือที่ได้พาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และพระสงฆ์ผู้ไม่มีอาสวะส่งข้ามฟาก
จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
[633] วิมานที่บุญกรรมตกแต่งไว้อย่างดี
มีสัณฐานดุจเรือ จักเกิดขึ้นแก่ท่าน
จักมีหลังคาดอกไม้กั้นอยู่ในอากาศทุกเมื่อ
[634] ในกัปที่ 58 นายเรือผู้นี้
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าตารณะ
เป็นใหญ่ มีชัยชนะในทวีปทั้ง 4

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :96 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [1. พุทธวรรค] 3. เถราปทาน 9. ขทิรวนิยเรวตเถราปทาน
[635] ในกัปที่ 57 (นับจากกัปนี้ไป)
จักเกิดเป็นกษัตริย์พระนามว่าจัมพกะ
มีพลานุภาพมาก จักรุ่งเรืองดังดวงอาทิตย์อุทัย
[636] ในกัปที่ 100,000 (นับจากกัปนี้ไป)
พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร
ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
[637] นายเรือผู้นี้จุติจากสวรรค์ชั้นไตรทิพย์แล้วจักไปเกิดเป็นมนุษย์
เป็นบุตรของพราหมณ์มีนามว่าเรวตะ ตามโคตร
[638] เขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จักออกจากเรือนไปบวชในศาสนา
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดม
[639] หลังจากบวชแล้ว เขาจักประกอบความเพียร เจริญวิปัสสนา
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[640] ข้าพเจ้ามีความเพียรสำหรับนำพาธุระ
เป็นความเพียรที่นำมาซึ่งธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะ
ข้าพเจ้าทรงร่างกายซึ่งมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[641] กรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ใน 100,000 กัป
แสดงผลแก่ข้าพเจ้าแล้วในอัตภาพสุดท้ายนี้
ข้าพเจ้าหลุดพ้นดีแล้วดุจความเร็วแห่งลูกศรพ้นไปจากแล่ง
เผากิเลสทั้งหลายได้แล้ว
[642] แต่นั้น พระมุนีผู้มีพระปัญญามาก
ทรงถึงที่สุดแห่งโลก(คือถึงความสิ้นทุกข์)
ได้ทอดพระเนตรเห็นข้าพเจ้าผู้ยินดีในป่า
จึงทรงตั้งข้าพเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุผู้อยู่ป่าเป็นวัตร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :97 }