เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [41. เมตเตยยวรรค] 8. โตเทยยเถราปทาน
แสวงหาพระพุทธเจ้าผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพอยู่
ได้เข้าเฝ้าพระองค์ ซึ่งเป็นผู้นำโดยวิเศษ
[257] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสุเมธะ
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงประกาศสัจจะ 4 ทำหมู่ชนจำนวนมากให้ตรัสรู้
[258] ข้าพเจ้าประนมมือไหว้เหนือเศียรเกล้า
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
[259] เมื่อต้นมะลิซ้อนมีดอกบานสะพรั่ง
กลิ่นหอมฟุ้งไปในที่ใกล้
ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียร
พระองค์มีกลิ่นคือคุณหอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศ
[260] เมื่อต้นจำปา ต้นกระถินพิมาน
ต้นลำดวน ต้นการะเกด และต้นสาละ
กำลังมีดอกบาน กลิ่นหอมฟุ้งไปตามลม
[261] ข้าพระองค์สูดกลิ่นของพระองค์
จึงจากภูเขาหิมพานต์มาจนถึงที่นี่
ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรมาก
ผู้เจริญที่สุดในโลก มีพระยศยิ่งใหญ่
ข้าพระองค์ขอบูชาพระองค์
[262] ข้าพเจ้าใช้จุรณจันทน์อย่างดี
ไล้ทาพระพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกทำจิตของตนให้เลื่อมใส
แล้วได้ยืนนิ่งอยู่ในขณะนั้น
[263] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสุเมธะ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :688 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [41. เมตเตยยวรรค] 8. โตเทยยเถราปทาน
ประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์แล้ว
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[264] เราจักพยากรณ์ผู้ที่สรรเสริญคุณของเรา
และได้ใช้จุรณจันทน์บูชา
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[265] ผู้นี้จักเป็นผู้กล่าวถ้อยคำที่เชื่อถือได้
เป็นพรหม ผู้ซื่อตรง มีตบะ
มีรัศมีสว่างไสวตลอด 25 กัป
[266] จักรื่นรมย์ในเทวโลกตลอด 2,600 กัป
จักเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 1,000 ชาติ
[267] จักเป็นจอมเทพครองเทวสมบัติ 33 ชาติ
จักเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
[268] ผู้นี้จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว จักไปเกิดเป็นมนุษย์
ประกอบด้วยบุญกรรม จักเป็นบุตรของพราหมณ์
[269] พราหมณ์ชื่อพาวรี ผู้คงแก่เรียน
ทรงมนตร์ จบไตรเพท ถึงพร้อมด้วยลักษณะ 3 ประการ
[270] เขาเป็นศิษย์ของพราหมณ์นั้นเป็นผู้จบมนตร์
จักได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระนามว่าโคดมศากยะ ผู้ประเสริฐ
[271] ข้าพเจ้าได้ทูลถามปัญหาอย่างละเอียด ทำใจให้ร่าเริง
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
[272] ไฟ 3 กองของข้าพเจ้าดับแล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้ากำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :689 }