เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [41. เมตเตยยวรรค] 1. ติสสเมตเตยยเถราปทาน
[6] ลำดับนั้น พระชินเจ้าทรงถือฟืนจากที่นั้นไปก่อไฟ
แต่ไม่ทำฟืนให้ไหม้ในกองไฟนั้น
เพราะพระองค์ผู้แสวงหาคุณ
อันยิ่งใหญ่ทรงทำปาฏิหาริย์
[7] พระชินเจ้าตรัสว่า ไฟของท่านไม่ลุกโพลง
เครื่องบูชาของท่านไม่มีการบำเรอ
ไฟของท่านไร้ประโยชน์
เชิญท่านบำเรอไฟของเราบ้างซิ
[8] ข้าพเจ้าทูลถามว่า ข้าแต่ท่านผู้มีความเพียรมาก
ไฟของท่านเป็นเช่นไร
ขอจงบอกไฟของท่าน
เมื่อบอกแก่ข้าพเจ้าแล้ว
เราทั้ง 2 จะบูชา(ร่วมกัน)
[9] พระชินเจ้าตรัสว่า การบูชาของเรามีไว้
(เพื่อประโยชน์) 3 ประการนี้
คือเพื่อดับธรรมที่เป็นเหตุ 1 เพื่อเผากิเลส 1
เพื่อละความริษยาและความตระหนี่ 1
[10] ข้าพเจ้าทูลถามว่า ข้าแต่ท่านผู้มีความเพียรมาก
ผู้นิรทุกข์ พระองค์เป็นคนเช่นไร มีตระกูลอย่างไร
ข้าพเจ้าชอบใจอาจาระและข้อปฏิบัติของพระองค์นัก
[11] พระชินเจ้าตรัสตอบว่า
เราเกิดในตระกูลกษัตริย์
ถึงความสำเร็จแห่งอภิญญา
สิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว
บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :655 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [41. เมตเตยยวรรค] 1. ติสสเมตเตยยเถราปทาน
[12] ข้าพเจ้าทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ส่องแสงสว่าง
ทรงบรรเทาความมืด
ถ้าพระองค์เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
ข้าพระองค์จักขอนอบน้อมพระองค์
พระองค์เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์
[13] ข้าพเจ้าจึงปูหนังสัตว์ถวายให้เป็นที่ประทับนั่ง
พระสัพพัญญูประทับนั่งบนหนังสัตว์นั้น
ข้าพเจ้าอุปัฏฐากพระองค์
[14] พระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนหนังสัตว์ที่ข้าพเจ้าปูถวายนั้น
ข้าพเจ้านิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วได้ไปยังภูเขา
[15] เก็บผลมะพลับใส่หาบจนเต็ม
นำผลมาคลุกเคล้าด้วยน้ำผึ้งแล้ว
ได้ถวายแด่พระพุทธเจ้า
[16] เมื่อข้าพเจ้ามองดูอยู่ พระชินเจ้าทรงเสวยในขณะนั้น
ข้าพเจ้ามองดูพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทำจิตให้เลื่อมใสในพระองค์
[17] พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ประทับนั่งอยู่ในอาศรมของข้าพเจ้า
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[18] เราจักพยากรณ์ผู้ที่เลื่อมใสได้ถวายผลไม้
ให้เราฉันจนอิ่มหนำ ด้วยมือของตน
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[19] ผู้นั้นจักครองเทวสมบัติ 25 ชาติ
และจักเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 1,000 ชาติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :656 }