เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [40. ปิลินทวัจฉวรรค] 2. เสลเถราปทาน
[287] คือข้าพเจ้าเป็นผู้มีเมตตาไม่หวั่นไหว 1
มีโภคสมบัติไม่รู้จักพร่อง 1
มีถ้อยคำที่ควรเชื่อถือได้ โดยที่ข้าพเจ้าไม่พูดกำจัด 1
[288] ข้าพเจ้ามีจิตไม่ฟุ้งซ่าน 1
ไม่เป็นเสี้ยนหนามต่อใคร ๆ 1
ด้วยกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
ข้าพเจ้าจึงเป็นผู้ปราศจากมลทินในศาสนา
[289] ข้าแต่พระมุนีผู้มีความเพียรมาก
ภิกษุสาวกของพระองค์มีความเคารพ
มีความยำเกรง ได้ทำกิจเสร็จแล้ว
ไม่มีอาสวะ ขอกราบไหว้พระองค์
[290] ข้าพเจ้าได้ทำบัลลังก์ที่ทำอย่างสวยงามแล้วจัดตั้งไว้ในศาลา
ด้วยกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้เหตุ 5 ประการ
[291] คือเกิดในตระกูลสูง 1 มีโภคะมาก 1
มีสมบัติทุกอย่าง 1 ไม่มีความตระหนี่ 1
[292] เมื่อข้าพเจ้าปรารถนาจะไป บัลลังก์ก็ตั้งขึ้น
ข้าพเจ้าย่อมไปพร้อมกับบัลลังก์อันประเสริฐ
ตามที่ข้าพเจ้าปรารถนา 1
[293] เพราะการถวายบัลลังก์นั้น
ข้าพเจ้ากำจัดความมืดทั้งหมดได้แล้ว
ข้าแต่พระมหามุนี
พระเถระผู้บรรลุอภิญญาและพลธรรมทั้งปวง
ขอกราบไหว้พระองค์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :621 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [40. ปิลินทวัจฉวรรค] 2. เสลเถราปทาน
[294] ข้าพเจ้าทำกิจทั้งปวงทั้งที่เป็นกิจ
ของผู้อื่นและกิจของตนสำเร็จแล้ว
ด้วยกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้เข้าไปยังบุรีที่ไม่มีภัย
[295] ข้าพเจ้าได้ถวายเครื่องบริโภคในศาลาที่สร้างสำเร็จแล้ว
ด้วยกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้บรรลุความเป็นผู้ประเสริฐ
[296] ผู้ฝึกเหล่าใดเหล่าหนึ่งในโลก
ผู้ฝึกเหล่านั้นย่อมฝึกช้างและม้า
พวกเขาให้ทำเหตุต่าง ๆ แล้วฝึกอย่างหนัก
[297] ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรมาก
พระองค์หาทรงฝึกเหล่าชายหญิงเช่นนั้นไม่
พระองค์ทรงฝึกในวิธีฝึกอย่างสูงสุด
โดยไม่ต้องใช้อาชญาไม่ต้องใช้ศัสตรา
[298] พระมุนีทรงฉลาดในเทศนา ทรงสรรเสริญคุณแห่งทาน
และตรัสปัญหาข้อเดียว
ก็ให้เวไนยสัตว์ 300 ตรัสรู้ได้
[299] ข้าพระองค์ทั้งหลาย อันพระองค์ผู้เป็นสารถีฝึกแล้ว
จึงพ้นวิเศษด้วยดี ไม่มีอาสวะ
บรรลุอภิญญาและพลธรรมทั้งปวง
ดับแล้วในธรรมเป็นที่สิ้นอุปธิ
[300] ในกัปที่ 100,000 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
ภัยทั้งปวงล่วงพ้นไปแล้ว
นี้เป็นผลแห่งการถวายศาลา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :622 }