เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [33. อุมาปุปผิยวรรค] 7. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน
ตนเมื่ออยู่ในครรภ์มารดา
ก็อยู่ในครรภ์ของมารดาคนเดิม
[50] ข้าพเจ้าจุติจากกายนั้นแล้ว
ได้เกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในระหว่างนี้
ข้าพเจ้าไม่เห็นความโทมนัสในครั้งนั้นเลย
[51] ข้าพเจ้าจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว
ลงสู่ครรภ์มารดา ออกจากครรภ์มารดา(คลอด)แล้ว
ไม่รู้จักทุกข์อะไร ๆ เลย
[52] ข้าพเจ้ามีอายุ 7 ขวบ ได้เข้าไปยังอาราม
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดมศากยบุตร ผู้คงที่
[53] ได้เห็นภิกษุทั้งหลายผู้ทำตามคำสอนของพระศาสดา
ในปาพจน์อย่างกว้างขวาง
ในศาสนาที่ชนจำนวนมากนับถือ
[54] กรุงชื่อว่าสาวัตถี พระเจ้าโกศลทรงเป็นใหญ่ในกรุงนั้น
พระองค์เสด็จไปยังต้นโพธิ์ที่ประเสริฐด้วยรถซึ่งเทียมด้วยม้า
[55] ข้าพเจ้าเห็นพาหนะประเสริฐของพระเจ้าโกศลนั้นแล้ว
ระลึกถึงบุพกรรม จึงได้ประนมมือไปยังที่ประชุม
[56] ข้าพเจ้ามีอายุ 7 ขวบ ก็ได้บวชเป็นบรรพชิต
พระสาวกชื่ออานนท์ เป็นอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า
[57] ท่านมีคติ มีธิติ มีสติ เป็นพหูสูต1 มีความรุ่งเรืองมาก
ได้ถวายพระธรรมเทศนาทำพระหฤทัยของพระราชาให้ทรงเลื่อมใส

เชิงอรรถ :
1 มีคติ ในที่นี้หมายถึงมีหลักการทรงจำพุทธพจน์ได้หมดทุกบทที่พระองค์ทรงแสดงให้ฟังในแต่ละครั้งได้หมดทุกข์บท
มีธิติ ในที่นี้หมายถึงเพียรเรียน เพียรสาธยาย เพียรทรงจำ
มีสติ ในที่นี้หมายถึงสามารถจำพระพุทธพจน์ได้เป็นเลิศ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :491 }