เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [31. ปทุมเกสริยวรรค] 6. สัมปสาทิกเถราปทาน
[26] ท่านจงทำจิตให้เลื่อมใสในพระสงฆ์แล้ว
จงหว่านปลูกพืชชนิดดีไว้ในพระสงฆ์นั้น
ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
เป็นเนื้อนาบุญที่ให้ผลไม่สิ้นสุด
[27] พระองค์เป็นพระสัพพัญญูผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ครั้นตรัสดังนี้
ทรงพร่ำสอนข้าพเจ้าอย่างนี้แล้ว เสด็จเหาะขึ้นสู่อากาศ
[28] เมื่อพระสัพพัญญูผู้องอาจกว่านรชน
พอเสด็จไปได้ไม่นาน ข้าพเจ้าก็สิ้นชีวิต
แล้วได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต
[29] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใส
ในพระสงฆ์ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
เป็นเนื้อนาบุญที่ให้ผลไม่สิ้นสุด
แล้วบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง
[30] ในกัปที่ 94 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความเลื่อมใสในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความเลื่อมใส
[31] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัมปสาทิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัมปสาทิกเถราปทานที่ 6 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :467 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [31. ปทุมเกสริยวรรค] 7. อารามทายกเถราปทาน
7. อารามทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอารามทายกเถระ
(พระอารามทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[32] ข้าพเจ้าได้สร้างอารามถวาย
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ใกล้หมู่ไม้มีเงาร่มเย็น มีฝูงนกเข้าอยู่อาศัย
[33] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา จึงน้อมถวายอารามแด่พระองค์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
[34] ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบาน
ได้ถวายผลไม้และดอกไม้
ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าก็เกิดความเลื่อมใสน้อมถวายทานนั้น
[35] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใสได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้า
ผลทานนั้นบังเกิดแก่ข้าพเจ้าในเมื่อข้าพเจ้าเกิดอยู่ในภพ
[36] ในกัปที่ 94 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายอารามไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายอาราม
[37] ในกัปที่ 37 นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 7 ชาติ มีพระนามว่ามุทุสีตละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :468 }