เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [20. ตมาลปุปผิยวรรค] 1. ตมาลปุปผิยเถราปทาน
20. ตมาลปุปผิยวรรค
หมวดว่าด้วยพระตมาลปุปผิยะเป็นต้น
1. ตมาลปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตมาลปุปผิยเถระ
(พระตมาลปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[1] วิมานของข้าพเจ้ามีเสาทองคำ 84,000 ต้น
เปรียบได้กับไม้เท้าเทวดา
บุญกรรมเนรมิตไว้ดีแล้ว
[2] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส
ได้ประคองดอกคูนบูชาพระพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[3] ในกัปที่ 31 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[4] ในกัปที่ 20 นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าจันทติตตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[5] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตมาลปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตมาลปุปผิยเถราปทานที่ 1 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :358 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [20. ตมาลปุปผิยวรรค] 2. ติณสันถารทายกเถราปทาน
2. ติณสันถารทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติณสันถารทายกเถระ
(พระติณสันถารทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[6] ในกาลที่ข้าพเจ้าเป็นฤๅษีอยู่ในป่า
เกี่ยวหญ้าถวายพระศาสดา
หญ้าทั้งหมดนั้นเวียนไปทางขวาแล้วตกลงที่แผ่นดิน
[7] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าถือหญ้านั้นมาลาดที่เนินดิน
และนำใบตาลมา 3 ใบ
[8] มาทำเป็นหลังคาบนไม้ 3 อัน
ได้ถวายพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายในที่นั้น
ถือทรงไว้เพื่อพระศาสดาตลอด 7 วัน
[9] ในกัปที่ 94 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายหญ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายหญ้า
[10] ในกัปที่ 65 นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 4 ชาติ พระนามว่ามหัทธนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[11] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติณสันถารทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติณสันถารทายกเถราปทานที่ 2 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :359 }