เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [13. เสเรยยวรรค] 5. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
[47] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
กองลมไม่พัด
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[48] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
รัตนะทุกชนิดส่องแสงโชติช่วง
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[49] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
ทรงย่างพระบาทไปได้ 7 ก้าว
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[50] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพอประสูติแล้วเท่านั้น
ก็ทรงเหลียวดูทิศทั้งปวง แล้วทรงเปล่งอาสภิวาจา1
นี้เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
[51] ข้าพเจ้าทำหมู่ชนให้เกิดสังเวชแล้ว ชมเชย
พระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศตะวันออก
[52] ในกัปที่ 91 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าชมเชยพระพุทธเจ้าไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการชมเชย

เชิงอรรถ :
1 ดูเชิงอรรถข้อ 23 หน้า 264 ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :283 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [13. เสเรยยวรรค] 5. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
[53] ในกัปที่ 90 นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสัมมุขาถวิกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[54] ในกัปที่ 89 นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าปฐวีทุนทุภิ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[55] ในกัปที่ 88 นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าโอภาส
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[56] ในกัปที่ 87 นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสริตัจเฉทนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[57] ในกัปที่ 86 (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าอัคคินิพพาปนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[58] ในกัปที่ 85 (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวาตสมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[59] ในกัปที่ 84 (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าคติปัจเฉทนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[60] ในกัปที่ 83 (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่ารัตนปัชชละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :284 }