เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [1. พุทธวรรค] 2. ปัจเจกพุทธาปทาน
[131] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
ทุกวันนี้ มิตรทั้งหลายมีประโยชน์เป็นเหตุ
จงคบและเสพด้วย มิตรที่ไม่มุ่งประโยชน์หาได้ยาก
มนุษย์ทั้งหลายมีปํญญามุ่งประโยชน์ตน ไม่สะอาด 1
พระปัจเกจพุทธเจ้า จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด
[132] พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย2 มีศีลบริสุทธิ์ (ด้วยปาริสุทธิศีล 4)
มีปัญญาหมดจดดี มีจิตตั้งมั่น
หมั่นประกอบธรรมเป็นเครื่องตื่น
เห็นแจ้ง(ไตรลักษณ์) เห็นธรรมวิเศษ3
รู้อยู่โดยพิเศษซึ่งอริยธรรมที่ประกอบด้วยองค์มรรคและโพชฌงค์
[133] ธีรชนเหล่าใดเจริญสุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์
และอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว
ยังไม่บรรลุความเป็นสาวกในศาสนาพระชินเจ้า
ธีรชนเหล่านั้นย่อมเป็นพระสยัมภูปัจเจกชินเจ้า
[134] พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายมีธรรมยิ่งใหญ่
มีธรรมกายมาก4 มีจิตเป็นอิสระ
ข้ามห้วงแห่งทุกข์ทั้งมวลได้แล้ว มีจิตเบิกบาน
มีปกติเห็นประโยชน์อย่างยิ่ง เหมือนราชสีห์ เหมือนนอแรด
[135] พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้มีอินทรีย์สงบแล้ว มีจิตสงบแล้ว
มีจิตเป็นสมาธิ ประพฤติตอบแทน(ด้วยความเอ็นดูและความกรุณา)

เชิงอรรถ :
1 ไม่สะอาด ในที่นี้หมายถึงประกอบด้วยการกระทำทางกาย วาจา และใจ ในทางไม่ดี (ขุ.อป.อ.
1/131/244)
2 พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวคาถาเฉพาะคาถาที่ 91-131 (ขุ.อป.อ. 1/158-165) ตั้งแต่คาถาที่
132 นี้เป็นต้นไป พระผู้มีพระภาคตรัสเล่าคุณของพระปัจเจกพุทธเจ้าให้พระอานนทเถระฟังต่อ
3 เห็นธรรมวิเศษ หมายถึงมีปกติเห็นกุศลธรรม 10 สัจจธรรม 4 หรือโลกุตตรธรรม 9 (คือ มรรค 4
ผล 4 นิพพาน 1) โดยวิเศษ (ขุ.อป.อ. 1/132/244)
4 มีธรรมกายมาก ในที่นี้หมายถึงมีกายคือสภาวธรรมมาก (ขุ.อป.อ. 1/134/245)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :24 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [1. พุทธวรรค] 2. ปัจเจกพุทธาปทาน
ในเหล่าสัตว์ที่อยู่ตามชายแดน
เหมือนดวงประทีปส่องสว่างอยู่ในโลกนี้
และในโลกหน้า เกื้อกูลสัตว์โลกเป็นนิตย์
[136] พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้เป็นผู้สูงสุดในหมู่ชน
ละเครื่องกั้นทั้งปวงได้แล้ว เป็นดวงประทีปของโลก
มีรัศมีเช่นกับประกายแสงแห่งทองแท่ง
เป็นผู้สมควรรับทักษิณาอย่างดีของชาวโลกอย่างแน่นอน
พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้เป็นผู้แนบแน่นอยู่เป็นนิตย์1
[137] ถ้อยคำที่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวไว้ดีแล้ว
ย่อมแผ่ไปในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ชนพาลเหล่าใดได้ฟังแล้ว
ไม่ใส่ใจถึงคำที่พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนั้น
ชนพาลเหล่านั้นย่อมแล่นไปในกองทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำอีก
[138] ถ้อยคำที่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวไว้ดีแล้ว
เป็นถ้อยคำไพเราะ ดุจน้ำผึ้งหยาดน้อย ๆ ไหลหยดลงฉะนั้น
ชนเหล่าใดได้ฟังแล้วปฏิบัติตามอย่างนั้น
ชนเหล่านั้น เป็นผู้เห็นสัจจะ มีปัญญา
[139] คาถาที่พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวไว้แล้ว เป็นคาถาที่โอฬาร
ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นคำที่พระศากยสีหะผู้สูงสุดในนรชน
เสด็จออกผนวชประกาศไว้แล้วเพื่อให้เวไนยสัตว์ได้รู้ธรรม
[140] ถ้อยคำเหล่านี้ ที่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น
กล่าวไว้แล้วเพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก ซึ่งพระสยัมภูผู้สีหะ(นำมา)
ประกาศไว้เพื่อเพิ่มพูนความสลดสังเวช
ความไม่คลุกคลี และปัญญา
ปัจเจกพุทธาปทาน จบ

เชิงอรรถ :
1 แนบแน่นอยู่ป็นนิตย์ ในที่นี้หมายถึงอิ่มหนำบริบูรณ์เป็นนิตย์ แม้ต้องอดอาหารถึง 7 วัน ก็บริบูรณ์
อยู่ได้ด้วยอำนาจสมาบัติ (ขุ.อป.อ. 1/136/246)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :25 }