เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [6. วีชนีวรรค] 2. สตรังสิยเถราปทาน
2. สตรังสิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสตรังสิยเถระ
(พระสตรังสิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[8] พระผู้มีพระภาคผู้เป็นผู้สูงสุดแห่งบุรุษ
เสด็จขึ้นภูเขาสูงแล้วประทับนั่งอยู่
ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ผู้จบมนตร์
อยู่ในที่ไม่ไกลจากภูเขา
[9] ข้าพเจ้าได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ผู้มีความเพียรมาก ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ผู้องอาจกว่านรชน ประนมมือแล้ว
ชมเชยพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกว่า
[10] พระมหาวีรพุทธเจ้าพระองค์นี้
ทรงประกาศธรรมอันประเสริฐ
มีหมู่ภิกษุแวดล้อม รุ่งเรืองดังกองไฟ
[11] พระผู้มีพระภาคทรงเป็นดุจมหาสมุทรที่หวั่นไหวได้ยาก
ทรงเป็นดุจห้วงน้ำที่ข้ามได้ยาก
ทรงเป็นดุจราชสีห์ที่ไม่ครั่นคร้าม
มีพระจักษุแสดงธรรมอยู่
[12] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงเป็นผู้นำ
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
ประทับยืนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[13] ผู้ใดได้ถวายอัญชลีและชมเชยพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
ผู้นั้นจักได้ครองเทวสมบัติ 30,000 กัป
[14] ในกัปที่ 100,000 (นับจากกัปนี้ไป)
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าอังคีรส
ผู้ทรงทำลายกิเลสเครื่องห่อหุ้มได้แล้ว
จักเสด็จอุบัติขึ้นในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :189 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [6. วีชนีวรรค] 3. สยนทายกเถราปทาน
[15] ผู้นั้นจักเป็นธรรมทายาทของพระองค์
เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต
จักเป็นพระอรหันต์มีนามว่าสตรังสี
[16] ข้าพเจ้ามีอายุ 7 ขวบ ก็ได้บวชเป็นบรรพชิต
มีนามว่าสตรังสี ข้าพเจ้ามีรัศมีแผ่ออกไป
[17] ข้าพเจ้ามีปกติเข้าฌาน ยินดีในฌาน
อยู่ที่มณฑปหรือโคนต้นไม้
ทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[18] ตลอด 60,000 กัป ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 4 ชาติ
มีนามเหมือนกันว่าราม
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพลานุภาพมาก
[19] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสตรังสิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สตรังสิยเถราปทานที่ 2 จบ

3. สยนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสยนทายกเถระ
(พระสยนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[20] ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใส
ได้ถวายที่นอนแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงอนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวงพระองค์นั้น
[21] ด้วยผลแห่งการถวายที่นอนนั้น
โภคสมบัติจึงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :190 }