เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [5. อุปาลิวรรค] 10. จุนทเถราปทาน
[121] ข้าพเจ้ามีใจเลวทราม กล่าววาจาไม่ไพเราะแก่อัครสาวกนั้น
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น
ความเจริญจึงได้มีแก่ข้าพเจ้าในภายหลัง
[122] พระชินมุนีผู้ทรงมีความเพียรมาก
ทรงเกื้อกูลประกอบด้วยพระกรุณา
ทรงประทานบรรพชาแก่ข้าพเจ้าบนที่บรรทมครั้งสุดท้าย ณ สาลวัน
ซึ่งเป็นที่แวะเวียนมาแห่งมัลลกษัตริย์ทั้งหลาย
[123] บัดนี้ การบรรพชาอุปสมบท มีแก่ข้าพเจ้า ในวันนี้
การปรินิพพานของพระพุทธชินเจ้าผู้สูงสุด
กว่าเทวดาและมนุษย์ได้มีเฉพาะหน้า
[124] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุภัททเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุภัททเถราปทานที่ 9 จบ

10. จุนทเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจุนทเถระ
(พระจุนทเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[125] ข้าพเจ้าให้ทำวัตถุควรบูชา
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่ แล้วใช้ดอกมะลิปกปิดไว้
[126] ข้าพเจ้าให้ทำดอกไม้นั้นเสร็จแล้ว
น้อมเข้าไปถวายพระพุทธเจ้า
และได้ประคองดอกไม้ที่เหลือบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :184 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [5. อุปาลิวรรค] 10. จุนทเถราปทาน
[127] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
นำดอกไม้ซึ่งเป็นวัตถุควรบูชา
ไปบูชาพระพุทธเจ้าผู้เช่นกับทองคำมีค่า
ผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
[128] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงข้ามความสงสัยได้แล้ว
มีพระขีณาสพแวดล้อม
ผู้ข้ามโอฆะได้แล้ว1 ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[129] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ถวายดอกไม้ซึ่งเป็นวัตถุควรบูชา
ส่งกลิ่นทิพย์หอมฟุ้งแก่เรา ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[130] บุคคลผู้นี้จุติจากโลกนี้แล้วจักไปเกิดยังเทวโลก
มีหมู่เทวดาแวดล้อม มีดอกมะลิโปรยปราย
[131] เขาจักมีภพที่สูงและวิมาน
ที่สำเร็จด้วยทองคำและแก้วมณี
ที่เกิดด้วยบุญกรรมปรากฏขึ้น
[132] เขาจักครองเทวสมบัติ มีเหล่านางเทพอัปสรแวดล้อม
ได้เสวยสมบัติอยู่ 74 ชาติ
[133] เขาจักเป็นพระเจ้าแผ่นดินครองแผ่นดิน 300 ชาติ
และจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 75 ชาติ
[134] จักเป็นใหญ่กว่ามนุษย์มีนามว่าทุชชัย
เสวยบุญนั้น ประกอบด้วยกรรมของตน

เชิงอรรถ :
1 โอฆะ หมายถึงกิเลสดุจห้วงน้ำท่วมทับสัตว์ให้พินาศมี 4 คือ กาม ภพ ทิฏฐิ และอวิชชา (ขุ.อป.อ.
2/128/91)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :185 }