เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [5. อุปาลิวรรค] 1. อุปาลิเถราปทาน
[7] โลกนี้พร้อมทั้งเทวโลกแล่นเข้าไปสู่ความมืดคือโมหะ
เมื่อพระญาณของพระองค์ส่องแสงโชติช่วงอยู่ ความมืดก็ถูกกำจัดไป
[8] เมื่อดวงอาทิตย์อัสดงคตแล้ว
สัตว์ทั้งหลายก็ตกอยู่ในความมืด ฉันใด
เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติขึ้น
สัตว์โลกก็ตกอยู่ในความมืด ฉันนั้น
[9] ดวงอาทิตย์เมื่ออุทัยขึ้น
ย่อมขจัดความมืดได้ทุกเมื่อ ฉันใด
ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
พระองค์ก็ทรงขจัดความมืดได้ทุกเมื่อ ฉันนั้น
[10] พระองค์ทรงมีพระทัยเด็ดเดี่ยวเพื่อบำเพ็ญเพียร
ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในโลกพร้อมทั้งเทวโลก
ทรงทำหมู่ชนจำนวนมากให้ยินดี
ด้วยการปรารภการกระทำของพระองค์
[11] พระผู้มีพระภาคผู้มหามุนีพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้เป็นนักปราชญ์ ทรงสดับคำนั้นแล้ว ทรงอนุโมทนาแล้ว
เสด็จเหาะไปในท้องฟ้า
เหมือนพญาหงส์โผบินไปในท้องฟ้า ฉะนั้น
[12] พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่พระนามว่าปทุมุตตระ
เสด็จเหาะขึ้นไปประทับอยู่ในอากาศได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[13] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ชมเชยญาณ
ซึ่งประกอบด้วยข้ออุปมาทั้งหลายนี้
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[14] เขาจักเป็นเทวราช 18 ชาติ
จักเป็นพระเจ้าแผ่นดินครองแผ่นดิน 300 ชาติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :168 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [5. อุปาลิวรรค] 1. อุปาลิเถราปทาน
[15] เขาจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 25 ชาติ
จักเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ นับชาติไม่ถ้วน
[16] ในกัปที่ 100,000 (นับจากกัปนี้ไป)
พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร
ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
[17] เขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว
จักเป็นคนต่ำต้อยโดยชาติกำเนิด ชื่อว่าอุบาลี
[18] ภายหลัง เขาบวชแล้ว คลายบาปได้
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[19] อนึ่ง พระโคดมพุทธเจ้าผู้ศากยบุตร มีพระยศยิ่งใหญ่
ทรงยินดีแล้ว จักตั้งเขาไว้ในเอตทัคคะว่า
เป็นผู้เชี่ยวชาญทางพระวินัย
[20] ข้าพเจ้าบวชด้วยศรัทธา
ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีอาสวะ
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
[21] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงอนุเคราะห์ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในทางพระวินัย
และปรารภกรรมของตนอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
[22] ข้าพเจ้าสำรวมในพระปาติโมกข์และในอินทรีย์ 5
ทรงพระวินัยทั้งหมด ซึ่งเป็นบ่อเกิดรัตนะทั้งมวลไว้
[23] พระศาสดาผู้ยอดเยี่ยมในโลก
ทรงทราบคุณสมบัติของข้าพเจ้า
ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว
ทรงแต่งตั้งข้าพเจ้าไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :169 }