เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [3. สุภูติวรรค] 4. ปัญจสีลสมาทานิยเถราปทาน
ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
[141] และข้าพเจ้าได้เป็นจอมเทพ
ครองเทวสมบัติถึง 30 ชาติ
มีเหล่านางเทพอัปสรห้อมล้อม ได้เสวยทิพยสุข
[142] อนึ่ง ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 75 ชาติ
ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
[143] ข้าพเจ้าถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วได้จุติจากเทวโลก
มาเกิดในตระกูลพราหมณมหาศาลมั่งคั่งที่สุดในกรุงเวสาลี
[144] เมื่อศาสนาของพระชินเจ้ายังรุ่งเรืองอยู่
มารดาและบิดาของข้าพเจ้าได้รับสิกขาบท 5 ข้อ
ในเวลาใกล้เข้าพรรษา
[145] ข้าพเจ้าร่วมรับศีลกับมารดาและบิดา
หวนระลึกถึงศีลของตนเอง
นั่งบนอาสนะเดียว ได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว
[146] ข้าพเจ้ามีอายุ 5 ขวบ ก็ได้บรรลุอรหัตตผล
พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระจักษุ
ทรงทราบคุณสมบัติของข้าพเจ้าแล้ว
ได้ประทานอุปสมบทให้
[147] ในกัปที่นับมิได้ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้ารักษาสิกขาบท 5 ข้อให้บริบูรณ์แล้ว
จึงไม่ตกวินิบาตนรกเลย
[148] ข้าพเจ้านั้นได้เสวยยศเพราะอานุภาพแห่งศีลเหล่านั้น
ข้าพเจ้าเมื่อจะประกาศผลของศีล
ตลอดทั้งโกฏิกัปก็คงจะประกาศได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :140 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [3. สุภูติวรรค] 4. ปัญจสีลสมาทานิยเถราปทาน
[149] ข้าพเจ้ารักษาศีล 5 แล้ว ย่อมได้เหตุ 3 ประการ
คือเป็นผู้มีอายุยืน มีโภคสมบัติมาก และมีปัญญาเฉียบแหลม
[150] เมื่อข้าพเจ้าท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่
ประกาศคุณของศีลทั้งปวง
และความเพียรเยี่ยงบุรุษที่มีประมาณยิ่ง
ข้าพเจ้าจึงได้ฐานะเหล่านี้
[151] สาวกของพระชินเจ้า
ประพฤติอยู่ในศีลมีอานิสงส์นับมิได้
ถ้าจะพึงยินดีในภพ พึงมีผลเช่นไร
[152] ศีล 5 ข้าพเจ้าผู้เป็นลูกจ้าง
มีความเพียรบำเพ็ญดีแล้ว
ข้าพเจ้าจึงพ้นจากเครื่องผูกทั้งปวงได้ในวันนี้เพราะศีลนั้น
[153] ในกัปที่นับมิได้ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้ารักษาศีล 5 แล้ว
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลของศีล 5
[154] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัญจสีลสมาทานิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
ปัญจสีลสมาทานิยเถราปทานที่ 4 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :141 }