เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [3. สุภูติวรรค] 2. อุปวาณเถราปทาน
แม้พวกเราก็จักสร้างพระสถูปถวายพระผู้มีพระภาค
ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ผู้คงที่บ้าง
[67] ฝูงครุฑแม้เหล่านั้นได้สร้างพระสถูป
สำเร็จด้วยแก้วมณีล้วน และผ้าคลุมก็เหมือนกัน
ได้สร้างพระพุทธเจดีย์ต่อขึ้นไปให้สูงอีก 1 โยชน์
[68] พระพุทธสถูปสูงขึ้นไป 4 โยชน์
รุ่งเรืองอยู่ ส่องทิศทั้งปวงให้สว่างไสว
เหมือนดวงอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น
[69] ครั้งนั้น พวกกุมภัณฑ์ได้มาร่วมประชุมปรึกษากันว่า
พวกมนุษย์ เทวดา นาค และครุฑก็เป็นเหมือนกันหมด
ต่างก็ได้พากันสร้างพระสถูปที่อุดม
บูชาพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[70] พวกเราอย่าได้ประมาทเลย
พวกมนุษย์พร้อมเทวดาไม่ประมาทกันแล้ว
ถึงพวกเราก็จักสร้างพระสถูปบูชาพระโลกนาถ ผู้คงที่บ้าง
จักใช้รัตนะทั้งหลายประดับพระพุทธเจดีย์ให้กว้างออกไป
[71] พวกกุมภัณฑ์แม้เหล่านั้น
ได้ขยายพระพุทธเจดีย์ให้กว้างออกไปอีก 1 โยชน์
ในครั้งนั้น พระสถูปสูงขึ้นไปเป็น 5 โยชน์ สว่างไสวอยู่
[72] ครั้งนั้น พวกยักษ์ได้มาร่วมประชุมปรึกษากัน ณ ที่นั้นว่า
พวกมนุษย์ เทวดา นาค กุมภัณฑ์ และครุฑ
[73] ต่างได้พากันสร้างสถูปที่ประเสริฐที่สุด
บูชาพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
พวกเราอย่าได้ประมาทเลย
พวกมนุษย์พร้อมเทวดาไม่ประมาทกันแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :131 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [3. สุภูติวรรค] 2. อุปวาณเถราปทาน
[74] แม้พวกเราก็จักสร้างพระสถูปบูชาพระโลกนาถ ผู้คงที่บ้าง
นำแก้วผลึกมาประดับพระพุทธเจดีย์ให้กว้างออกไปอีก
[75] ยักษ์แม้เหล่านั้นได้ขยายพระพุทธเจดีย์ให้กว้างออกไปอีก 1 โยชน์
ครั้งนั้น พระสถูปสูงขึ้นไปเป็น 6 โยชน์ สว่างไสวอยู่
[76] ครั้งนั้น พวกคนธรรพ์มาร่วมประชุมปรึกษากันว่า
พวกมนุษย์ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ และยักษ์ก็เหมือนกัน
[77] พวกเขาทั้งหมดได้พากันสร้างพระพุทธสถูปแล้ว
ในเรื่องพระสถูปนี้ พวกเรายังไม่ได้สร้างเลย
แม้พวกเราก็จักสร้างพระสถูปบูชาพระโลกนาถ ผู้คงที่บ้าง
[78] ครั้งนั้น พวกคนธรรพ์เหล่านั้น
ได้สร้างแท่นไพที 7 แห่ง จนถึงทางเดิน
พวกคนธรรพ์สร้างพระสถูปด้วยทองคำล้วน
[79] ในครั้งนั้น พระสถูปสูงขึ้นไปเป็น 7 โยชน์
ส่องแสงสว่างไสว จนไม่รู้กลางคืนหรือกลางวัน
เพราะมีแสงสว่างตลอดเวลา
[80] ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์พร้อมทั้งดวงดาว
ครอบงำรัศมีของพระสถูปนั้นไม่ได้
ในที่ประมาณ 100 โยชน์โดยรอบ แม้ประทีปก็ไม่โชติช่วง
[81] โดยกาลนั้น มนุษย์พวกใดพวกหนึ่งจะบูชาพระสถูป
พวกเขาไม่ต้องขึ้นพระสถูป เพียงโยนเครื่องสักการะขึ้นไปบนอากาศ
[82] ยักษ์ตนหนึ่งชื่อว่าอภิสัมมตะ ที่พวกเทวดาแต่งตั้งไว้
คอยรับธงหรือพวงดอกไม้ไปบูชาให้ยิ่งขึ้น
[83] ชนเหล่านั้นมองไม่เห็นยักษ์ตนนั้น
เห็นแต่พวงดอกไม้ของยักษ์ที่ลอยไปอยู่
ครั้นเห็นเช่นนี้แล้วจึงไป มนุษย์ทั้งหมดย่อมไปเกิดยังสุคติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :132 }