เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. สีหาสนิยวรรค] 1. สีหาสนทายกเถราปทาน
[7] บัลลังก์แก้วมณีและบัลลังก์ไม้แก่นชนิดอื่นอีกจำนวนมาก
ทั้งหมดบังเกิดขึ้นเพื่อข้าพเจ้า
นี้เป็นผลของการถวายพระแท่นสีหาสน์
[8] ข้าพเจ้าสวมเขียงเท้าซึ่งทำด้วยทองคำ
เงิน แก้วผลึก และแก้วไพฑูรย์
นี้เป็นผลของการถวายตั่งสำหรับรองพระบาท
[9] ในกัปที่ 94 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม
[10] ในกัปที่ 73 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 3 ชาติ
มีพระนามว่าอินทะ
ในกัปที่ 72 นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 3 ชาติ
มีพระนามว่าสุมนะ
[11] ในกัปที่ 70 ถ้วนนับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 3 ชาติ
มีพระนามว่าวรุณะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ ทรงเป็นใหญ่ในทวีปทั้ง 4
[12] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านสีหาสนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ด้วยประการฉะนี้
สีหาสนทายกเถราปทานที่ 1 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :103 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. สีหาสนิยวรรค] 2. เอกถัมภิกเถราปทาน
2. เอกถัมภิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกถัมภิกเถระ
(พระเอกถัมภิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[13] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
มีคณะอุบาสกหมู่ใหญ่ และอุบาสกเหล่านั้น
ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่ง เชื่อฟังพระตถาคต
[14] อุบาสกทั้งหมดมาประชุมปรึกษาหารือกัน
จะสร้างศาลาโรงฉันถวายพระศาสดา
แต่ยังหาเสาอีกหนึ่งต้นไม่ได้
จึงเที่ยวแสวงหาในป่าใหญ่
[15] ข้าพเจ้าได้พบอุบาสกเหล่านั้นในป่า
จึงเข้าไปหาคณะอุบาสกแล้วยกมือไหว้
ได้สอบถามคณะอุบาสกในครั้งนั้น
[16] หมู่อุบาสกผู้มีศีลที่ข้าพเจ้าถามได้ชี้แจงให้ข้าพเจ้าทราบว่า
พวกเราต้องการจะสร้างศาลาโรงฉัน
แต่ยังหาเสาอีกหนึ่งต้นไม่ได้
[17] (ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า) ท่านทั้งหลาย
จงให้เสาต้นหนึ่ง(เป็นภาระ)ของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจักถวายพระศาสดา ข้าพเจ้าจักนำเสามาให้
ท่านทั้งหลายไม่ต้องขวนขวายหรอก
[18] อุบาสกเหล่านั้นเลื่อมใส พอใจ
ให้เสาแก่ข้าพเจ้า แล้วกลับจากที่นั้นไปเรือนของตน
[19] เมื่อคณะอุบาสกไปได้ไม่นาน
ข้าพเจ้าจึงได้ถวายเสา มีจิตร่าเริง เบิกบาน
ได้ยกเสานั้น เป็นต้นที่หนึ่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :104 }