เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค [1. มหาวรรค] 1. ญาณกถา 71. มหากรุณาญาณนิทเทส
พระผู้มีพระภาคเสด็จจงกรม ประทับนั่ง หรือทรงสำเร็จไสยา พระพุทธนิมิต
ประทับยืน
พระผู้มีพระภาคเสด็จจงกรม ประทับยืน หรือทรงสำเร็จไสยา พระพุทธนิมิต
ประทับนั่ง
พระผู้มีพระภาคประทับยืน ประทับนั่ง หรือเสด็จจงกรม พระพุทธนิมิต
ทรงสำเร็จไสยา
นี้เป็นญาณในยมกปาฏิหาริย์ของพระตถาคต
ยมกปาฏิหีรญาณนิทเทสที่ 70 จบ

71. มหากรุณาญาณนิทเทส
แสดงญาณในมหากรุณาสมาบัติ
[117] ญาณในมหากรุณาสมาบัติของพระตถาคต เป็นอย่างไร
คือ พระผู้มีพระภาคทั้งหลายตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาเห็นด้วยอาการเป็น
อันมาก จึงทรงแผ่พระมหากรุณาไปในหมู่สัตว์ คือ พระผู้มีพระภาคทั้งหลาย
ตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาเห็นว่า “โลกสันนิวาสอันไฟลุกโชนแล้ว” จึงทรงแผ่
พระมหากรุณาไปในหมู่สัตว์ พระผู้มีพระภาคทั้งหลายตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณา
เห็นว่า “โลกสันนิวาสยกพลแล้ว” ฯลฯ “โลกสันนิวาสเคลื่อนพลแล้ว” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสเดินทางผิดแล้ว” ฯลฯ “โลกถูกชรานำไปแล้ว ไม่ยั่งยืน” ฯลฯ
“โลกไม่มีที่ต้านทาน ไม่เป็นใหญ่” ฯลฯ “โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่ง
ทั้งปวงไป” ฯลฯ “โลกพร่อง ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา” ฯลฯ “โลกสันนิวาส
ไม่มีที่ต้านทาน” ฯลฯ “โลกสันนิวาสไม่มีที่เร้น” ฯลฯ “โลกสันนิวาสไม่มีที่พึ่ง” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสไม่เป็นที่พึ่งของใคร” ฯลฯ
“โลกฟุ้งซ่าน ไม่สงบ” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกลูกศรเป็นอันมากเสียบแทงแล้ว
ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยถอนลูกศรทั้งหลายของโลกสันนิวาสนั้นได้เป็นไม่มี”
ฯลฯ “โลกสันนิวาสมีความมืดคืออวิชชาปิดกั้นไว้ ถูกขังไว้ในกรงกิเลส ใครอื่น
นอกจากเราผู้จะแสดงธรรมให้แสงสว่างแก่โลกสันนิวาสนั้นได้เป็นไม่มี” ฯลฯ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 31 หน้า :179 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค [1. มหาวรรค] 1. ญาณกถา 71. มหากรุณาญาณนิทเทส
“โลกสันนิวาสตกอยู่ในอำนาจของอวิชชา มืดมน อันอวิชชาหุ้มห่อไว้ ยุ่งดุจเส้นด้าย
พันกันเป็นกลุ่มก้อน นุงนังดุจหญ้าปล้อง หญ้ามุงกระต่าย ไม่ล่วงพ้นสงสารคือ
อบาย ทุคติ และวินิบาต” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกยาพิษที่มีโทษคืออวิชชาฉาบทา
หนาแน่นแล้ว มีกิเลสเป็นโทษ” ฯลฯ “โลกสันนิวาสรกชัฏด้วยราคะ โทสะ และโมหะ
ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยสางรกชัฏแก่โลกสันนิวาสนั้นได้เป็นไม่มี” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสถูกกองตัณหาสุมไว้” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกข่ายตัณหาครอบไว้”
ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกกระแสตัณหาพัดไป” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกตัณหาเครื่อง
ข้องคล้องไว้” ฯลฯ “โลกสันนิวาสซ่านไปเพราะตัณหานุสัย” ฯลฯ “โลกสันนิวาส
เดือดร้อนด้วยความเดือดร้อนเพราะตัณหา” ฯลฯ “โลกสันนิวาสเร่าร้อนด้วยความ
เร่าร้อนเพราะตัณหา” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสถูกกองทิฏฐิสุมไว้” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกข่ายคือทิฏฐิครอบไว้”
ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกกระแสทิฏฐิพัดไป” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกทิฏฐิเป็นเครื่อง
ข้องคล้องไว้” ฯลฯ “โลกสันนิวาสซ่านไปเพราะทิฏฐานุสัย” ฯลฯ “โลกสันนิวาส
เดือดร้อนด้วยความเดือดร้อนเพราะทิฏฐิ” ฯลฯ “โลกสันนิวาสเร่าร้อนด้วยความ
เร่าร้อนเพราะทิฏฐิ” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสถูกชาติติดตาม” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกชราตามติด” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสถูกพยาธิครอบงำ” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกมรณะห้ำหั่น” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสตกอยู่ในกองทุกข์” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสถูกตัณหาดักไว้” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกกำแพงคือชราล้อมไว้” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสถูกบ่วงมัจจุคล้องไว้” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกผูกไว้ด้วยเครื่องผูกเป็น
อันมาก ได้แก่ เครื่องผูกคือราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ กิเลส ทุจริต
ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยแก้เครื่องผูกให้แก่โลกสันนิวาสนั้นได้เป็นไม่มี” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสไปในทางที่แคบมาก ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยชี้ทางสว่างให้แก่
โลกสันนิวาสนั้นได้เป็นไม่มี” ฯลฯ “โลกสันนิวาสถูกความกังวลเป็นอันมากพัวพันไว้
ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยตัดความกังวลให้แก่โลกสันนิวาสนั้นได้เป็นไม่มี” ฯลฯ
“โลกสันนิวาสตกลงไปในเหวใหญ่ ใครอื่นนอกจากเราผู้จะช่วยฉุดโลกสันนิวาสนั้นให้


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 31 หน้า :180 }