เมนู

นิรยนฺติ นิรติอตฺเถน นิรสฺสาทฏฺเฐน วา นิรยนฺติ ลทฺธนามํ สพฺพมฺปิ ทุคฺคติํ, อยสงฺขาตสุขปฺปฏิกฺเขเปน วา สพฺพตฺถ สุคติทุคฺคตีสุ นิรยทุกฺขํฯ โส ตาทิโส ปุคฺคโล อุปคจฺฉตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺฐพฺโพฯ

เอตฺถ จ กายทุจฺจริตสฺส ตปนียภาเว นนฺโท ยกฺโข นนฺโท มาณวโก นนฺโท โคฆาตโก ทฺเว ภาติกาติ เอเตสํ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิฯ เต กิร คาวิํ วธิตฺวา มํสํ ทฺเว โกฏฺฐาเส อกํสุฯ ตโต กนิฏฺโฐ เชฏฺฐํ อาห – ‘‘มยฺหํ ทารกา พหู, อิมานิ เม อนฺตานิ เทหี’’ติฯ อถ นํ เชฏฺโฐ – ‘‘สพฺพํ มํสํ ทฺเวธา วิภตฺตํ, ปุน กิมคฺคเหสี’’ติ ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ นิวตฺติตฺวา จ นํ โอโลเกนฺโต มตํ ทิสฺวา ‘‘ภาริยํ วต มยา กตํ, สฺวาหํ อการเณเนว นํ มาเรสิ’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ อถสฺส พลววิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชิฯ โส ฐิตฏฺฐาเนปิ นิสินฺนฏฺฐาเนปิ ตเทว กมฺมํ อาวชฺเชติ, จิตฺตสฺสาทํ น ลภติ, อสิตปีตขายิตมฺปิสฺส สรีเร โอชํ น ผรติ, อฏฺฐิจมฺมมตฺตเมว อโหสิฯ อถ นํ เอโก เถโร ปุจฺฉิ ‘‘อุปาสก, ตฺวํ อติวิย กิโส อฏฺฐิจมฺมมตฺโต ชาโต, กีทิโส เต โรโค, อุทาหุ อตฺถิ กิญฺจิ ตปนียํ กมฺมํ กต’’นฺติ? โส ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ สพฺพํ อาโรเจสิฯ อถสฺส โส ‘‘ภาริยํ เต, อุปาสก, กมฺมํ กตํ, อนปราธฏฺฐาเน อปรทฺธ’’นฺติ อาหฯ โส เตเนว กมฺมุนา กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติฯ วจีทุจฺจริตสฺส ปน สุปฺปพุทฺธสกฺกโกกาลิกจิญฺจมาณวิกาทีนํ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิ, มโนทุจฺจริตสฺส อุกฺกลชยภญฺญาทีนํฯ

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

4. อตปนียสุตฺตวณฺณนา

[31] จตุตฺเถ ตติเย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพฯ

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

5. ปฐมสีลสุตฺตวณฺณนา

[32] ปญฺจเม ปาปเกน จ สีเลนาติ ปาปกํ นาม สีลํ สีลเภทกโร อสํวโรติ วทนฺติฯ ตตฺถ ยทิ อสํวโร อสีลเมว ตํทุสฺสีลฺยภาวโต, กถํ สีลนฺติ วุจฺจติ? ตตฺถายํ อธิปฺปาโย สิยา – ยถา นาม โลเก อทิฏฺฐํ ‘‘ทิฏฺฐ’’นฺติ วุจฺจติ, อสีลวา ‘‘สีลวา’’ติ, เอวมิธาปิ อสีลมฺปิ อสํวโรปิ ‘‘สีล’’นฺติ โวหรียติฯ อถ วา ‘‘กตเม จ, ถปติ, อกุสลา สีลา? อกุสลํ กายกมฺมํ, อกุสลํ วจีกมฺมํ, ปาปโก อาชีโว’’ติ (ม. นิ. 2.264) วจนโต อกุสลธมฺเมสุปิ อตฺเถว สีลสมญฺญา, ตสฺมา ปริจยวเสน สภาวสิทฺธิ วิย ปกติภูโต สพฺโพ สมาจาโร ‘‘สีล’’นฺติ วุจฺจติฯ ตตฺถ ยํ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเฐน อกุสลํ ลามกํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปาปเกน จ สีเลนา’’ติฯ ปาปิกาย จ ทิฏฺฐิยาติ สพฺพาปิ มิจฺฉาทิฏฺฐิโย ปาปิกาวฯ วิเสสโต ปน อเหตุกทิฏฺฐิ, อกิริยทิฏฺฐิ, นตฺถิกทิฏฺฐีติ อิมา ติวิธา ทิฏฺฐิโย ปาปิกตราฯ ตตฺถ ปาปเกน สีเลน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ปโยควิปนฺโน โหติ, ปาปิกาย ทิฏฺฐิยา สมนฺนาคโต อาสยวิปนฺโน โหติ, เอวํ ปโยคาสยวิปนฺโน ปุคฺคโล นิรยูปโค โหติเยวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ นิรเย’’ติฯ เอตฺถ จ ‘‘ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต’’ติ อิทํ ลกฺขณวจนํ ทฏฺฐพฺพํ, น ตนฺตินิทฺเทโสฯ ยถา ตํ โลเก ‘‘ยทิเม พฺยาธิตา สิยุํ, อิเมสํ อิทํ เภสชฺชํ ทาตพฺพ’’นฺติฯ อญฺเญสุปิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ เอเสว นโยฯ ทุปฺปญฺโญติ นิปฺปญฺโญฯ

ปญฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

6. ทุติยสีลสุตฺตวณฺณนา

[33] ฉฏฺเฐ ภทฺทเกน จ สีเลนาติ กายสุจริตาทิจตุปาริสุทฺธิสีเลนฯ ตญฺหิ อขณฺฑาทิสีลภาเวน สยญฺจ กลฺยาณํ, สมถวิปสฺสนาทิกลฺยาณคุณาวหํ จาติ ‘‘ภทฺทก’’นฺติ วุจฺจติฯ ภทฺทิกาย จ ทิฏฺฐิยาติ กมฺมสฺสกตาญาเณน เจว กมฺมปถสมฺมาทิฏฺฐิยา จฯ ตตฺถ ภทฺทเกน สีเลน ปโยคสมฺปนฺโน โหติ, ภทฺทิกาย ทิฏฺฐิยา อาสยสมฺปนฺโนฯ อิติ ปโยคาสยสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สคฺคูปโค โหติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อิเมหิ, โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ สคฺเค’’ติฯ สปฺปญฺโญติ ปญฺญวาฯ เสสํ สุวิญฺเญยฺยเมวฯ

ฉฏฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ