เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ทุติยวรรค] 8. ขัคควิสาณสุตตนิทเทส
เมื่อสืบสาน ก็ย่อมประพฤติ คือ อยู่ เคลื่อนไหว เป็นไป เลี้ยงชีวิต ดำเนินไป
ยังชีวิตให้ดำเนินไป รวมความว่า 2 วง ... กระทบกันอยู่ที่ข้อมือ จึงประพฤติอยู่
ผู้เดียว เหมือนนอแรด ด้วยเหตุนั้น พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า
บุคคลเห็นกำไลทอง 2 วง อันสุกปลั่ง
ที่ช่างทองทำสำเร็จอย่างดี กระทบกันอยู่ที่ข้อมือแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียว เหมือนนอแรด
[135] (พระปัจเจกสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า)
ด้วยอาการอย่างนี้ การกล่าววาจา
หรือความเกี่ยวข้องกับเพื่อน พึงมีแก่เรา
เราเมื่อเพ่งเห็นภัยนี้ต่อไป
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียว เหมือนนอแรด (5)
คำว่า ด้วยอาการอย่างนี้ ... กับเพื่อน พึงมีแก่เรา อธิบายว่า ตัณหาเป็น
เพื่อนก็มี บุคคลเป็นเพื่อนก็มี
ตัณหาเป็นเพื่อน เป็นอย่างไร
คำว่า ตัณหา ได้แก่ รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพ-
ตัณหา ธัมมตัณหา ผู้ใดยังละตัณหานี้ไม่ได้ ผู้นั้นเรียกว่า ผู้มีตัณหาเป็นเพื่อน
(สมจริงดังคาถาประพันธ์ว่า)
บุรุษมีตัณหาเป็นเพื่อน
ท่องเที่ยวไปตลอดกาลนาน
ย่อมไม่ล่วงพ้นสังสารวัฏ
ที่มีความเป็นอย่างนี้และความเป็นอย่างอื่น1
ตัณหาเป็นเพื่อน เป็นอย่างนี้
บุคคลเป็นเพื่อน เป็นอย่างไร
คือ คนบางคนในโลกนี้ ฟุ้งซ่าน มีจิตไม่สงบ มิใช่เพราะเหตุที่เป็นประโยชน์
มิใช่เพราะมีเหตุการณ์ เป็นบุคคลที่ 2 ของคนผู้เดียว เป็นที่ 3 ของบุคคล 2 คน

เชิงอรรถ :
1 องฺ.จตุกฺก.(แปล) 21/9/15,257/374

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 30 หน้า :439 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ทุติยวรรค] 8. ขัคควิสาณสุตตนิทเทส
หรือเป็นที่ 4 ของบุคคล 3 คน พูดเรื่องเพ้อเจ้อมากมายในที่นั้น คือ พูดเรื่อง
พระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องการรบ เรื่องข้าว
เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องระเบียบดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่อง
ยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม เรื่องเมือง เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคน
กล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก
เรื่องทะเล เรื่องความเจริญและความเสื่อม อย่างนั้นอย่างนี้ บุคคลเป็นเพื่อนที่สอง
เป็นอย่างนี้ รวมความว่า ด้วยอาการอย่างนี้ ... กับเพื่อนพึงมีแก่เรา
คำว่า การกล่าววาจา หรือความเกี่ยวข้องกับเพื่อน อธิบายว่า เดรัจฉาน-
กถา1 32 เรียกว่า การกล่าววาจา คือ เรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ เรื่อง
ความเจริญและความเสื่อมอย่างนั้นอย่างนี้
คำว่า ความเกี่ยวข้อง ได้แก่ ความเกี่ยวข้อง 2 อย่าง คือ (1) ความเกี่ยวข้อง
ด้วยอำนาจตัณหา (2) ความเกี่ยวข้องด้วยอำนาจทิฏฐิ ฯลฯ นี้ชื่อว่าความเกี่ยวข้อง
ด้วยอำนาจตัณหา ฯลฯ นี้ชื่อว่าความเกี่ยวข้องด้วยอำนาจทิฏฐิ2 รวมความว่า
การกล่าววาจา หรือความเกี่ยวข้องกับเพื่อน
คำว่า เราเมื่อเพ่งเห็นภัยนี้ต่อไป ได้แก่ ชาติภัย ชราภัย พยาธิภัย มรณภัย
ราชภัย โจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย อัตตานุวาทภัย ปรานุวาทภัย ทัณฑภัย ทุคติภัย
อูมิภัย กุมภีลภัย อาวัฏฏภัย สุงสุมารภัย3 อาชีวิกภัย อสิโลกภัย ปริสสารัชชภัย
มทนภัย เหตุที่น่ากลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า ใจหวาดเสียว ความ
สะดุ้ง
คำว่า เราเมื่อเพ่งเห็นภัยนี้ต่อไป อธิบายว่า บุคคลเมื่อเพ่งเห็น คือ แลเห็น
มองดู เพ่งพินิจ พิจารณาเห็นภัยนี้ต่อไป รวมความว่า เราเมื่อเพ่งเห็นภัยนี้ต่อไป
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียว เหมือนนอแรด ด้วยเหตุนั้น พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้นจึง
กล่าวว่า

เชิงอรรถ :
1 เดรัจฉานกถา คือถ้อยคำอันขวางทางไปสู่สวรรค์ นิพพาน หมายถึงเรื่องราวที่ภิกษุไม่ควรนำมาเป็นข้อ
ถกเถียงสนทนากัน (ที.สี.อ. 18/84)
2 เทียบกับความในข้อ 124/414
3 ดูคำแปลจากข้อ 123/411,องฺ.จตุกฺก.(แปล) 21/119-122/181-186

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 30 หน้า :440 }