เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย มหานิทเทส [อัฎฐกวรรค] 15. อัตตทัณฑสุตตนิทเทส
ได้ยาก ล่วงเลยไปได้ยาก รวมความว่า เปือกตมคือกามเป็นสภาวะที่ลุล่วงไปได้ยาก
ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
เราเรียกความติดใจว่า ห้วงน้ำใหญ่
เรียกความโลดแล่นว่า ความปรารถนา
เรียกอารมณ์ว่า ความหวั่นไหว
เปือกตมคือกามเป็นสภาวะที่ลุล่วงไปได้ยาก
[181] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า)
มุนีไม่ก้าวล่วงสัจจะ เป็นพราหมณ์ดำรงอยู่บนบก
มุนีสลัดทิ้งสิ่งทั้งปวงได้แล้ว มุนีนั้นแล เราเรียกว่า ผู้สงบ
คำว่า มุนีไม่ก้าวล่วงสัจจะ อธิบายว่า ไม่ก้าวล่วงวาจาสัจ ไม่ก้าวล่วง
สัมมาทิฏฐิ ไม่ก้าวล่วงอริยมรรคมีองค์ 8
คำว่า มุนี อธิบายว่า ญาณท่านเรียกว่า โมนะ คือ ความรู้ทั่ว กิริยาที่รู้ชัด...
ผู้ก้าวล่วงกิเลสเครื่องข้องและตัณหาดุจตาข่ายได้แล้ว ชื่อว่ามุนี1 รวมความว่า มุนีไม่
ก้าวล่วงสัจจะ

ว่าด้วยอมตนิพพานตรัสเรียกว่าบก
คำว่า เป็นพราหมณ์ดำรงอยู่บนบก อธิบายว่า อมตนิพพานตรัสเรียกว่า บก
ได้แก่ ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดทิ้งอุปธิทั้งหมด เป็นที่สิ้นตัณหา
เป็นที่คลายกำหนัด เป็นที่ดับกิเลส เป็นที่เย็นสนิท
คำว่า เป็นพราหมณ์ อธิบายว่า ที่ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เพราะลอยธรรม 7
ประการได้แล้ว ... ไม่มีตัณหาและทิฏฐิอาศัย เป็นผู้มั่นคง บัณฑิตเรียกผู้นั้นว่า
เป็นพราหมณ์2
คำว่า เป็นพราหมณ์ดำรงอยู่บนบก อธิบายว่า เป็นพราหมณ์ดำรงอยู่บนบก
คือดำรงอยู่บนเกาะ ดำรงอยู่ในที่ป้องกัน ดำรงอยู่ในที่หลีกเร้น ดำรงอยู่ในที่พึ่ง

เชิงอรรถ :
1 ดูรายละเอียดข้อ 14/68-71
2 ดูรายละเอียดข้อ 25/104-105

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 29 หน้า :515 }


พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย มหานิทเทส [อัฎฐกวรรค] 15. อัตตทัณฑสุตตนิทเทส
ดำรงอยู่ในที่ไม่มีภัย ดำรงอยู่ในที่ไม่จุติ ดำรงอยู่ในที่ไม่ตาย ดำรงอยู่ในนิพพาน รวม
ความว่า เป็นพราหมณ์ดำรงอยู่บนบก
คำว่า มุนีสลัดทิ้งสิ่งทั้งปวงได้แล้ว อธิบายว่า อายตนะ 12 ตรัสเรียกว่า
สิ่งทั้งปวง คือ ตาและรูป... ใจและธรรมารมณ์
ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจในอายตนะทั้งภายในและภายนอก มุนี
นั้นละได้เด็ดขาดแล้ว ตัดรากถอนโคนเหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว
เหลือแต่พื้นที่ ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ ด้วยเหตุใด แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้
สิ่งทั้งปวงเป็นสิ่งที่มุนีนั้นสละ คาย ปล่อย ละ สลัดทิ้งได้แล้ว ตัณหา ทิฏฐิ และ
มานะ มุนีนั้นละได้เด็ดขาดแล้ว ตัดรากถอนโคนเหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคน
ไปแล้ว เหลือแต่พื้นที่ ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ ด้วยเหตุใด แม้ด้วยเหตุเพียง
เท่านี้ สิ่งทั้งปวงเป็นสิ่งที่มุนีนั้นสละ คาย ปล่อย ละ สลัดทิ้งได้แล้ว ปุญญาภิสังขาร
อปุญญาภิสังขาร และอาเนญชาภิสังขาร มุนีนั้นละได้เด็ดขาดแล้ว ตัดรากถอนโคน
เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว เหลือแต่พื้นที่ ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไป
ไม่ได้ ด้วยเหตุใด แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ สิ่งทั้งปวงเป็นสิ่งที่มุนีนั้นสละ คาย ปล่อย
ละ สลัดทิ้งได้แล้ว รวมความว่า มุนีสลัดทิ้งสิ่งทั้งปวงได้แล้ว
คำว่า มุนีนั้นแล เราเรียกว่า ผู้สงบ อธิบายว่า มุนีนั้น เราเรียก คือ กล่าว
บอก แสดง ชี้แจงว่าผู้สงบ คือ เข้าไปสงบ สงบเย็น ดับ สงัด รวมความว่า มุนีนั้นแล
เราเรียกว่า ผู้สงบ ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
มุนีไม่ก้าวล่วงสัจจะ เป็นพราหมณ์ดำรงอยู่บนบก
มุนีสลัดทิ้งสิ่งทั้งปวงได้แล้ว มุนีนั้นแล เราเรียกว่า ผู้สงบ
[182] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า)
มุนีนั้นแลมีความรู้ จบเวท
รู้ธรรมแล้วก็ไม่อาศัย
มุนีนั้นอยู่ในโลกโดยชอบ
ย่อมไม่ใฝ่หาใคร ๆ ในโลกนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 29 หน้า :516 }