เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย มหานิทเทส [อัฎฐกวรรค] 14. ตุวฏกสุตตนิทเทส
โภคทรัพย์ยิ่งใหญ่ เป็นผู้มีชื่อเสียงปรากฏ มียศกว่าคฤหัสถ์และบรรพชิต เป็นผู้มี
ปกติได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร เป็นผู้ทรงจำ
พระสูตร เป็นผู้ทรงจำพระวินัย เป็นพระธรรมกถึก เป็นผู้อยู่ป่าเป็นวัตร เป็นผู้เที่ยว
บิณฑบาตเป็นวัตร เป็นผู้นุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร เป็นผู้เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับ
ตรอกเป็นวัตร เป็นผู้งดฉันอาหารมื้อหลังเป็นวัตร เป็นผู้ถือการนั่งเป็นวัตร เป็นผู้
ถือการอยู่ในเสนาสนะตามที่เขาจัดให้เป็นวัตร เป็นผู้ได้ปฐมฌาน ได้ทุติยฌาน
ได้ตติยฌาน ได้จตุตถฌาน ได้อากาสานัญจายตนสมาบัติ ... ได้วิญญานัญจายตน-
สมาบัติ... ได้อากิญจัญญายตนสมาบัติ ... หรือ เป็นผู้ได้เนวสัญญานาสัญญายตน-
สมาบัติ เหล่านี้ ตรัสเรียกว่า คุณธรรมของตน ภิกษุพึงรู้ คือ รู้ทั่ว รู้แจ่มแจ้ง
รู้เฉพาะ แทงตลอดคุณธรรมของตนอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมความว่า ภิกษุพึงรู้คุณ
ธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในภายใน
คำว่า หรือในภายนอก อธิบายว่า คุณธรรมเหล่านั้น เป็นของอุปัชฌาย์ หรือ
อาจารย์ รวมความว่า ในภายในหรือในภายนอก
คำว่า แต่ไม่ควรทำความดื้อรั้นเพราะคุณธรรมนั้น อธิบายว่า ภิกษุไม่ควรทำ
ความดื้อรั้น คือ ไม่พึงทำความดื้อดึง ไม่พึงทำความถือตัว ไม่พึงทำความเย่อหยิ่ง
ไม่พึงทำความจองหอง เพราะคุณธรรมของตน หรือคุณธรรมของผู้อื่น ได้แก่ ไม่พึง
ให้มานะเกิด เพราะคุณธรรมนั้น ไม่พึงเป็นคนกระด้าง จองหอง หัวสูง เพราะคุณ
ธรรมนั้น รวมความว่า แต่ไม่ควรทำความดื้อรั้นเพราะคุณธรรมนั้น
คำว่า เพราะการทำความดื้อรั้นนั้น ผู้สงบทั้งหลายไม่กล่าวว่า เป็นความดับ
กิเลส อธิบายว่า การทำความดื้อรั้นนั้น ผู้สงบทั้งหลาย คือ ผู้สงบเย็น สัตบุรุษ
พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ไม่กล่าว คือ ไม่พูด ไม่บอก
ไม่แสดง ไม่บัญญัติ ไม่กำหนด ไม่เปิดเผย ไม่จำแนก ไม่ทำให้ง่าย ไม่ประกาศว่า
เป็นความดับกิเลส รวมความว่า เพราะการทำความดื้อรั้นนั้น ผู้สงบทั้งหลายไม่กล่าวว่า
เป็นความดับกิเลส ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
ภิกษุพึงรู้คุณธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในภายใน
หรือในภายนอก แต่ไม่ควรทำความดื้อรั้นเพราะคุณธรรมนั้น
เพราะการทำความดื้อรั้นนั้น
ผู้สงบทั้งหลายไม่กล่าวว่า เป็นความดับกิเลส

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 29 หน้า :419 }


พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย มหานิทเทส [อัฎฐกวรรค] 14. ตุวฏกสุตตนิทเทส
[153] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า)
ภิกษุไม่พึงสำคัญตนว่าเราเลิศกว่าเขา
เราด้อยกว่าเขา หรือว่าเราเสมอเขาเพราะคุณธรรมนั้น
เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมเป็นอเนกแล้ว
ไม่พึงกำหนดตน ดำรงอยู่

ว่าด้วยมานะ
คำว่า ภิกษุไม่พึงสำคัญตนว่าเราเลิศกว่าเขา... เพราะคุณธรรมนั้น อธิบาย
ว่า ภิกษุไม่พึงให้ความดูหมิ่นเกิด เพราะชาติ โคตร ความเป็นบุตรของผู้มีตระกูล
ความเป็นผู้มีรูปงาม ทรัพย์ การศึกษา หน้าที่การงาน หลักแห่งศิลปวิทยา วิทยฐานะ
ความคงแก่เรียน ปฏิภาณ หรือสิ่งอื่นนอกจากที่กล่าวแล้วว่า เราเลิศกว่าเขา รวม
ความว่า ภิกษุไม่พึงสำคัญตนว่าเราเลิศกว่าเขา ... เพราะคุณธรรมนั้น
คำว่า เราด้อยกว่าเขา หรือว่าเราเสมอเขา อธิบายว่า ภิกษุไม่พึงให้ความถือ
ตัวต่ำเกิดเพราะชาติ โคตร... หรือสิ่งอื่นนอกจากที่กล่าวแล้วว่า "เราด้อยกว่าเขา"
ไม่พึงให้ความถือตัวเกิดเพราะชาติ โคตร ความเป็นบุตรของผู้มีตระกูล ความเป็น
ผู้มีรูปงาม ทรัพย์ การศึกษา หน้าที่การงาน หลักแห่งศิลปวิทยา วิทยฐานะ
ความคงแก่เรียน ปฏิภาณ หรือสิ่งอื่นนอกจากที่กล่าวแล้วว่า "เราเสมอเขา"
รวมความว่า เราด้อยกว่าเขา หรือว่าเราเสมอเขา
คำว่า เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมเป็นอเนกแล้ว อธิบายว่า เป็นผู้
เพียบพร้อม คือ ห้อมล้อม พรั่งพร้อม ประกอบพร้อมแล้วด้วยอาการหลายอย่าง
รวมความว่า เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมเป็นอเนกแล้ว
คำว่า ไม่พึงกำหนดตน ดำรงอยู่ อธิบายว่า อัตตา ตรัสเรียกว่า ตน ไม่พึง
กำหนด คือ กำหนดวิเศษ ถึงความกำหนดตน ดำรงอยู่ รวมความว่า ก็ไม่พึง
กำหนดตน ดำรงอยู่ ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 29 หน้า :420 }