เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย มหานิทเทส [อัฎฐกวรรค] 11. กลหวิวาทสุตตนิทเทส
คำว่า พระสมณะตรัสไว้แล้ว ได้แก่ พระสมณะ คือ ผู้มีบาปสงบแล้ว เป็น
พราหมณ์ ผู้ลอยบาปธรรมแล้ว เป็นภิกษุผู้ตัดมูลแห่งกิเลสแล้ว ผู้พ้นแล้วจาก
เครื่องผูกคืออกุศลมูลทุกอย่าง ตรัสไว้แล้ว คือ ทรงพูด บอก แสดง บัญญัติ กำหนด
เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย ประกาศไว้แล้ว รวมความว่า และธรรมเหล่าใดพระสมณะ
ตรัสไว้แล้ว ด้วยเหตุนั้น พระพุทธเนรมิตจึงทูลถามว่า
ฉันทะในโลกมีต้นเหตุมาจากไหน
และการตัดสินใจมีมาจากไหน
อนึ่ง ความโกรธ ความเป็นคนพูดเท็จ
และความสงสัยมีมาจากอะไร
และธรรมเหล่าใดพระสมณะตรัสไว้แล้ว
ธรรมเหล่านั้นมีมาจากอะไร
[102] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ชนทั้งหลายในโลกพูดถึงสิ่งใดว่า น่าดีใจ น่าเสียใจ
ฉันทะก็จะมีขึ้นเพราะอาศัยสิ่งนั้น
ชนในโลกมองเห็นความเสื่อม
และความเจริญในรูปทั้งหลายแล้ว ย่อมทำการตัดสินใจ
คำว่า น่าดีใจ ในคำว่า ชนทั้งหลายในโลกพูดถึงสิ่งใดว่า น่าดีใจ น่าเสียใจ
ได้แก่ สุขเวทนา และสิ่งที่น่าปรารถนา
คำว่า น่าเสียใจ ได้แก่ ทุกขเวทนา และสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา
คำว่า ชนทั้งหลายในโลกพูดถึงสิ่งใด ได้แก่ พูดถึงสิ่งใด คือ กล่าวถึง
บอกถึง แสดงถึง ชี้แจงถึงสิ่งใด รวมความว่า ชนทั้งหลายในโลกพูดถึงสิ่งใดว่า
น่าดีใจ น่าเสียใจ
คำว่า ฉันทะก็จะมีขึ้นเพราะอาศัยสิ่งนั้น อธิบายว่า ฉันทะ ย่อมมี มีขึ้น คือ
เกิด เกิดขึ้น บังเกิด บังเกิดขึ้น เพราะอาศัยความน่าดีใจและน่าเสียใจ คือ อาศัยสุข
และทุกข์ โสมนัสและโทมนัส สิ่งที่น่าปรารถนาและไม่น่าปรารถนา ความยินดีและ
ความยินร้าย รวมความว่า ฉันทะก็จะมีขึ้นเพราะอาศัยสิ่งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 29 หน้า :311 }


พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย มหานิทเทส [อัฎฐกวรรค] 11. กลหวิวาทสุตตนิทเทส
ว่าด้วยความเกิดแห่งรูป
คำว่า ในรูปทั้งหลาย ในคำว่า มองเห็นความเสื่อมและความเจริญในรูป
ทั้งหลายแล้ว ได้แก่ มหาภูตรูป1 4 และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป2 4
ความเจริญแห่งรูปทั้งหลาย เป็นอย่างไร
คือ ความเจริญ ความเกิด ความเกิดขึ้น ความบังเกิด ความบังเกิดขึ้น
ความปรากฏแห่งรูปทั้งหลาย นี้ชื่อว่าความเจริญแห่งรูปทั้งหลาย
ความเสื่อมแห่งรูปทั้งหลาย เป็นอย่างไร
คือ ความสิ้นไป ความเสื่อมไป ความแตกไป ความทำลายไป ความเป็น
ธรรมชาติไม่เที่ยง ความสูญหายไปแห่งรูปทั้งหลาย นี้ชื่อว่า ความเสื่อมแห่งรูปทั้งหลาย
คำว่า มองเห็นความเสื่อมและความเจริญในรูปทั้งหลายแล้ว ได้แก่ เห็นแล้ว
คือ แลเห็นแล้ว เทียบเคียงแล้ว พิจารณาแล้ว ทำให้กระจ่างแล้ว ทำให้แจ่มแจ้งแล้ว
ซึ่งความเจริญและความเสื่อมในรูปทั้งหลาย รวมความว่า มองเห็นความเสื่อมและ
ความเจริญในรูปทั้งหลายแล้ว

เชิงอรรถ :
1 มหาภูตรูป 4 ดูเชิงอรรถข้อ 10/52
2 รูปที่อาศัยมหาภูตรูป 4 หรือทับศัพท์บาลีว่า อุปาทายรูป มี 24 คือ
ก. ปสาทรูป 5 รูปที่เป็นประสาทสำหรับรับอารมณ์ (1) ตา (2) หู (3) จมูก (4) ลิ้น (5) กาย
ข. โคจรรูป หรือวิสัยรูป 5 รูปที่เป็นอารมณ์หรือแดนรับรู้ของอินทรีย์ (6) รูป (7) เสียง (8) กลิ่น
(9) รส (0) โผฏฐัพพะ (ข้อนี้ไม่นับเพราะเป็นอันเดียวกับมหาภูตรูป 3 คือ ปฐวี เตโช วาโย)
ค. ภาวรูป 2 รูปที่เป็นภาวะแห่งเพศ (10) อิตถิตตะ อิตถินทรีย์ ความเป็นหญิง (11) ปุริสัตตะ ปุริสินทรีย์
ความเป็นชาย
ง. หทัยรูป รูปคือหทัย (12) หทัยวัตถุ ที่ตั้งแห่งใจ หัวใจ
จ. ชีวิตรูป 1 รูปที่เป็นชีวิต (13) ชีวิตินทรีย์ อินทรีย์คือชีวิต
ฉ. อาหารรูป 1 รูปคืออาหาร (14) กวฬิงการาหาร อาหารคือคำข้าว
ช. ปริจเฉทรูป 1 รูปที่กำหนดเทศะ (15) อากาสธาตุ สภาวะคือช่องว่าง
ญ. วิญญัติรูป 2 รูปคือการเคลื่อนไหวให้รู้ความหมาย (16) กายวิญญัติ การเคลื่อนไหวให้รู้ความหมาย
ด้วยกาย (17) วจีวิญญัติ การเคลื่อนไหวให้รู้ความหมายด้วยวาจา
ฎ. วิการรูป 5 รูปคืออาการที่ดัดแปลงทำให้แปลกให้พิเศษได้ (18) (รูปัสส) ลหุตา ความเบา (19) (รูปัสส)
มุทุตา ความอ่อนสลวย (20) (รูปัสส) กัมมัญญตา ความควรแก่การงาน ใช้การได้ (และวิญญัติรูป 2
แต่ท่านไม่นับเพราะซ้ำกับข้อ ญ)
ฏ. ลักขณรูป 4 รูปคือลักษณะหรืออาการเป็นเครื่องกำหนด (21) (รูปัสส) อุปจย ความก่อตัวหรือเติบโตขึ้น
(22) (รูปัสส) สันตติ ความสืบต่อ (23) (รูปัสส) ชรตา ความทรุดโทรม (24) (รูปัสส) อนิจจตา
ความปรวนแปรแตกสลาย (อภิ.สํ. (แปล) 34/584-984/169-255)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 29 หน้า :312 }