เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย มหานิทเทส [อัฎฐกวรรค] 5. ปรมัฏฐกสุตตนิทเทส
นามเป็นส่วนสุดด้านหนึ่ง รูปเป็นส่วนสุดอีกด้านหนึ่ง
อายตนะภายใน 6 เป็นส่วนสุดด้านหนึ่ง อายตนะภายนอก 6 เป็นส่วนสุด
อีกด้านหนึ่ง
ความถือตัวเป็นส่วนสุดด้านหนึ่ง เหตุเกิดแห่งความถือตัวเป็นส่วนสุดอีกด้านหนึ่ง
ตัณหาตรัสเรียกว่า ความคนึงหา ได้แก่ ความกำหนัด ความกำหนัดนัก ...
อภิชฌา อกุศลมูลคือโลภะ1
คำว่า ในภพน้อยภพใหญ่ อธิบายว่า ในภพน้อยภพใหญ่ คือ ในกรรมวัฏและ
วิปากวัฏ ในกรรมวัฏเป็นเครื่องเกิดในกามภพ ในวิปากวัฏเป็นเครื่องเกิดในกามภพ
ในกรรมวัฏเป็นเครื่องเกิดในรูปภพ ในวิปากวัฏเป็นเครื่องเกิดในรูปภพ ในกรรมวัฏ
เป็นเครื่องเกิดในอรูปภพ ในวิปากวัฏเป็นเครื่องเกิดในอรูปภพ ในภพต่อไป ในคติ
ต่อไป ในการถือกำเนิดต่อไป ในปฏิสนธิต่อไป ในความบังเกิดแห่งอัตภาพต่อไป
คำว่า โลกนี้ ได้แก่ อัตภาพของตน
คำว่า โลกหน้า ได้แก่ อัตภาพของผู้อื่น
อีกนัยหนึ่ง คำว่า โลกนี้ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของตน
คำว่า โลกหน้า ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของผู้อื่น
อีกนัยหนึ่ง คำว่า โลกนี้ ได้แก่ อายตนะภายใน 6
คำว่า โลกหน้า ได้แก่ อายตนะภายนอก 6
คำว่า โลกนี้ ได้แก่ มนุษยโลก
คำว่า โลกหน้า ได้แก่ เทวโลก
คำว่า โลกนี้ ได้แก่ กามธาตุ
คำว่า โลกหน้า ได้แก่ รูปธาตุ อรูปธาตุ
คำว่า โลกนี้ ได้แก่ กามธาตุ รูปธาตุ
คำว่า โลกหน้า ได้แก่ อรูปธาตุ
คำว่า พระอรหันต์ใด ผู้ไม่มีความคนึงหาในส่วนสุดทั้ง 2 ด้าน ในโลกนี้
ในภพน้อยภพใหญ่ ในโลกนี้หรือในโลกหน้า อธิบายว่า พระอรหันต์ใด ย่อมไม่มี
คือ ไม่ปรากฏ หาไม่ได้ซึ่งตัณหา เป็นที่คนึงหาในส่วนสุดทั้ง 2 ด้านในภพน้อยภพใหญ่

เชิงอรรถ :
1 ดูรายละเอียดข้อ 3/10-11

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 29 หน้า :132 }