เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [20.สัตตตินิบาต] 1.กุสชาดก (531)
[4] น้องประภาวดี พี่ลุ่มหลงในผิวพรรณของเธอ
จึงซมซานท่องเที่ยวไปสู่เมทนีดล
ไม่รู้จักทิศว่า เรามาจากไหน
มัวแต่มัวเมาหลงใหลในตัวเธอ
ผู้มีดวงตาประดุจตาลูกน้อยเนื้อทราย
[5] น้องนางผู้มีสะโพกอันผึ่งผาย
ทรงผ้าขลิบทอง
เครื่องประดับทองคำ
พี่ไม่มีความต้องการราชสมบัติ
เพราะปรารถนาตัวเธอ
(พระนางประภาวดีกราบทูลว่า)
[6] ข้าแต่พระราชาผู้เจริญ
ผู้ใดปรารถนาบุคคลที่เขาไม่ปรารถนา
ผู้นั้นย่อมไม่มีความเจริญ
พระองค์ต้องการบุคคลที่เขาไม่ต้องการ
ปรารถนารักใคร่บุคคลที่เขาไม่รักใคร่
(พระเจ้ากุสโพธิสัตว์ตรัสว่า)
[7] คนใดได้คนที่ไม่ต้องการตนก็ตาม
ที่ต้องการตนก็ตามมาเป็นคนรัก
เราสรรเสริญการได้ในความรักนี้ของคนนั้น
การไม่ได้ในความรักนั้นซิเป็นความโชคร้าย
(พระนางประภาวดีกราบทูลว่า)
[8] พระองค์ทรงปรารถนาหม่อมฉันผู้ไม่ปรารถนาพระองค์
เปรียบเสมือนพระองค์ทรงใช้ไม้กรรณิการ์ขุดเพชร
(หรือ) ทรงใช้ตาข่ายดักลม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :56 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [20.สัตตตินิบาต] 1.กุสชาดก (531)
(พระเจ้ากุสโพธิสัตว์ตรัสว่า)
[9] หินคงถูกฝังไว้ในพระหทัยอันมีลักษณะ
อ่อนละมุนละไมของพระนางเป็นแน่
เพราะหม่อมฉันมาจากชนบทบ้านนอก
ยังมิได้ประสบความแช่มชื่นจากพระนางเลย
[10] เมื่อใด พระราชบุตรีหน้านิ่ว
ทอดพระเนตรหม่อมฉัน
เมื่อนั้นหม่อมฉันก็ยังคงเป็นคนครัวภายในเมืองของพระเจ้ามัททะ
[11] เมื่อใด พระราชบุตรีทรงแย้มสรวลทอดพระเนตรหม่อมฉัน
เมื่อนั้น หม่อมฉันไม่ใช่คนครัว
เมื่อนั้น หม่อมฉันเป็นพระเจ้ากุสะ
(พระนางประภาวดีกราบทูลว่า)
[12] ก็ถ้าว่า คำทำนายของโหรทั้งหลายจักเป็นความจริงว่า
พระองค์ไม่ใช่พระสวามีของหม่อนฉันแน่นอน
ขอชนทั้งหลายจงสับหม่อมฉันให้เป็น 7 ท่อนเถิด
(พระเจ้ากุสโพธิสัตว์ตรัสว่า)
[13] ก็ถ้าว่า คำทำนายของพวกโหรอื่น
หรือของหม่อนฉันจักเป็นความจริงไซร้
คนอื่นนอกจากพระเจ้ากุสะผู้มีพระสุรเสียงดังราชสีห์
ไม่ใช่พระสวามีของพระนางแน่นอน
(พระเจ้ากุสโพธิสัตว์ทรงหยอกล้อหญิงค่อม พระพี่เลี้ยงพระนางประภาวดีว่า)
[14] แม่ค่อม เรากลับไปถึงกรุงกุสาวดีแล้ว
จักให้ช่างทองทำสร้อยคอทองคำแก่เจ้า
ถ้าพระนางประภาวดีผู้ทรงมีขาอ่อนงดงามดังงาช้าง
จะพึงเหลียวมองดูเรา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :57 }